ยกฟ้อง "ชาญ" อุทธรณ์ค่าสินไหม 2.3 ล้านคดีเครื่องออกกำลังกาย

การเมือง
25 ก.ย. 67
16:09
4
Logo Thai PBS
ยกฟ้อง "ชาญ" อุทธรณ์ค่าสินไหม 2.3 ล้านคดีเครื่องออกกำลังกาย
ศาลปกครองกลางพิพากษายกฟ้องคดี "ชาญ พวงเพ็ชร์" อดีตนายกอบจ.ปทุมธานี ยื่นฟ้องขอเพิกถอนคำสั่งอบจ. ปทุมธานีให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน 2.3 ล้านบาท การจัดซื้อเครื่องออกกำลังกายของ อบจ.ปทุมธานี ในราคาสูงเกินจริง ชี้คำสั่งชอบด้วยกฎหมาย

วันนี้ (25 ก.ย.2567) ศาลปกครองกลาง มีคำพิพากษาคดีหมายเลขดำคดีที่นายชาญ พวงเพ็ชร์ ผู้ฟ้องคดีที่ 1 ฟ้องเพิกถอนคำสั่งที่ให้ชดใช้ค่าสินไหมทด แทนแก่องค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี (อบจ.ปทุมธานี) กรณีการจัดซื้อเครื่องออกกำลังกายของอบจ.ปทุมธานี ระหว่างปีงบ 2555-2559 ในราคาที่สูงกว่าที่ควรจะเป็นทำให้ทางราชการได้รับความเสียหาย และคำวินิจฉัยอุทธรณ์ที่ให้ยกอุทธรณ์ของผู้ฟ้องคดีที่ 1

คดีนี้ผู้ฟ้องคดีที่ 1 ไม่เห็นด้วยกับคำสั่งดังกล่าว จึงได้ยื่นอุทธรณ์ต่อผู้ว่าฯปทุม ธานี (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2) ต่อมา ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ได้มีคำวินิจฉัยให้ยกอุทธรณ์ ผู้ฟ้องคดีที่ ๑ เห็นว่า คำสั่งและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ข้างต้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงนำคดีมาฟ้องต่อศาล

ศาลปกครองกลาง พิจารณาแล้วเห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติแล้วว่า ในปีงบ2555-2556 ผู้ฟ้องคดีที่ 1 ได้อนุมัติสั่งซื้อเครื่องออกกำลังกายตามราย งานขออนุมัติจัดซื้อเครื่องออกกำลังกายตามโครงการส่งเสริมสุขภาพที่ดีของประชาชนจ.ปทุมธานี 7 ครั้ง

โดยมิได้มีการสั่งการให้ผู้ใต้บังคับบัญชาทำการสืบราคาที่ซื้อขายกันตามปกติในท้องตลาดจากเอกชนที่เป็นผู้ประกอบการหรือผู้มีอาชีพ จำหน่ายเครื่องออกกำลังกายนั้นมาวิเคราะห์และกำหนดเป็นราคาอ้างอิง แล้วนำผลการสืบราคาดังกล่าวมาประกอบการพิจารณากำหนดประมาณการราคาในการจัดซื้อเครื่องออกกำลังกาย เป็นเหตุให้ประมาณการราคาในการจัดซื้อเครื่องออกกำลังกายตามโครงการดังกล่าวสูงกว่าราคาที่ซื้อขายกันตามปกติในท้องตลาด

ซึ่งหากผู้ฟ้องคดีที่ 1  ในฐานะผู้บังคับบัญชาสูงสุดของอบจ.ปทุมธานีและเป็นผู้มีอำนาจสั่งซื้อตามมาตรา 39 วรรคหนึ่ง แห่งพ.ร.บ.องค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ.2550 ประกอบกับข้อ 5 ของระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการพัสดุของหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2535 ซึ่งมีผลใช้บังคับอยู่ในขณะเกิดเหตุพิพาทได้ควบคุมตรวจสอบกระบวนการและขั้นตอนในการจัดซื้อ

ตลอดจนพิจารณารายงานขออนุมัติจัดซื้อในแต่ละโครงการ ที่ผู้ใต้บังคับบัญชาเสนอมาด้วยความละเอียดรอบคอบตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในระเบียบข้างต้นแล้ว ผู้ฟ้องคดีที่ 1 ย่อมจะตรวจพบได้ว่า การจัดซื้อเครื่องออกกำลังกายตามรายงานขออนุมัติจัดซื้อตามโครงการดังกล่าว ยังมิได้ทำการสืบราคาที่ซื้อขายกันตามปกติในท้องตลาด

เนื่องจากในรายงานขออนุมัติจัดซื้อนั้น ระบุเพียงว่า เป็นครุภัณฑ์ที่ไม่มีกำหนดไว้ในบัญชีราคามาตรฐานครุภัณฑ์ ตั้งงบประมาณตามราคาท้องถิ่น โดยไม่ปรากฏรายละเอียดของการสืบราคาหรือที่มาของประมาณการราคาในรายงานขออนุมัติจัดซื้อหรือเอกสารหลักฐานประกอบรายงานขออนุมัติจัดซื้อ อันถือเป็นสาระสำคัญในการจัดซื้อพัสดุตามระเบียบดังกล่าวแต่อย่างใด

ไทม์ไลน์คดีจัดซื้อเครื่องออกกำลังกายแพง

การที่ผู้ฟ้องคดีที่ 1 ลงนามอนุมัติในรายงานขออนุมัติจัดซื้อที่ผู้ใต้บังคับบัญชาเสนอมาโดยมิได้ทักท้วงใด ๆ เป็นเหตุให้ประมาณการราคาในการจัดซื้อเครื่องออกกำลังกายสูงกว่าราคาที่ซื้อขายกันตามปกติในท้องตลาด การกระทำของผู้ฟ้องคดีที่ 1 จึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยปราศจากความรอบคอบระมัดระวังที่เบี่ยงเบนไปจากวิสัยของผู้มีอำนาจอนุญาตสั่งซื้ออย่างมาก 

และเป็นการไม่ดูแลรักษาผลประโยชน์ของทางราชการตามตำแหน่งที่ตนดำรงอยู่อันเป็นการไม่ปฏิบัติตามข้อ 20 วรรคหนึ่ง (3) ของระเบียบกระทรวงมหาด ไทย ว่าด้วยการพัสดุของหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2535 ซึ่งมีผลใช้บังคับอยู่ในขณะเกิดเหตุพิพาท

พฤติการณ์ของผู้ฟ้องคดีที่ 1 จึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงเป็นเหตุให้ อบจ.ปทุมธานีได้รับความเสียหายที่ต้องจัดซื้อเครื่องออกกำลังกาย ตามโครงการดังกล่าวในราคาที่สูงกว่าราคาที่ซื้อขายกันตามปกติในท้องตลาดอันเป็นการกระทำละเมิดต่อ อบจ. ปทุมธานี ตามมาตรา 420 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

ผู้ฟ้องคดีที่ 1 จึงต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่องค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ตามมาตรา 10 วรรคหนึ่ง ประกอบกับมาตรา 8 วรรคหนึ่ง แห่งพ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539

และเมื่อรวมความเสียหายที่อบจ.ปทุมธานีได้รับจากการประมาณการราคาในการจัดซื้อเครื่องออกกำลังกายตามโครงการส่งเสริมสุขภาพที่ดีของประชาชน จ.ปทุมธานี ในปีงบ 2555-2556 คำนวณเฉพาะรายการเครื่องออกกำลังกาย จำนวน 8 อุปกรณ์ ในส่วนที่ผู้ฟ้องคดีที่ 1 เป็นผู้ลงนามอนุมัติจัดซื้อ จำนวน 7  สัญญาสูงกว่าราคาที่ซื้อขายกันตามปกติในท้องตลาด คิดเป็นเงิน 33.6 ล้านบาท

อย่างไรก็ดี เมื่อ อบจ.ปทุมธานีได้ใช้สิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนในความเสียหายกรณีดังกล่าวจากผู้ฟ้องคดีที่ 1๑ เป็นเงินจำนวน 31 ล้านบาท ศาลจึงไม่อาจวินิจฉัยเกินกว่าความเสียหายที่ อบจ.ปทุมธานีใช้สิทธิเรียกร้องได้

และเมื่อได้วินิจฉัยแล้วว่า ผู้ฟ้องคดีที่ 1 ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง เป็นเหตุให้อบจ.ปทุมธานี ได้รับความเสียหายที่ต้องจัดซื้อเครื่องออกกำลังกายตามโครงการข้างต้นในราคาที่สูงกว่าราคาที่ซื้อขายกันตามปกติในท้องตลาด อันเป็นการกระทำละเมิดต่ออบจ.ปทุมธานี

ผู้ฟ้องคดีที่ 1 จึงต้องรับผิดในความเสียหายดังกล่าว แต่เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า ในการจัดซื้อเครื่องออกกำลังกายตามโครงการส่งเสริมสุขภาพที่ดีของประชาชนจังหวัดปทุมธานีขององค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานีนั้นเป็นโครงการที่สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ได้เสนอต่อ อบจ.ปทุมธานี เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและปรับปรุงคุณภาพชีวิตในด้านต่าง ๆ อันเป็นโครงการที่มาจากความต้องการของประชาชนในพื้นที่

อีกทั้งในขณะที่มีการตรวจสอบสืบสวนกรณีดังกล่าวอุปกรณ์เครื่องออกกำลังกายก็ยังอยู่ในสภาพที่ใช้งานได้เป็นอย่างดี เมื่อเทียบกับระยะเวลานับตั้งแต่วันที่มีการติดตั้งเครื่องออกกำลังกายจนถึงวันที่มีการตรวจสอบ

ยันคำสั่งชอบด้วยกฎหมายปมใช้ค่าสินไหม

เมื่อพิจารณาถึงระดับความร้ายแรงแห่งการกระทำและความเป็นธรรมในกรณีดังกล่าวแล้วเห็นว่า การที่อบจ.ปทุมธานี มีคำสั่งให้ผู้ฟ้องคดีที่ 1 ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่อบจ.ปทุมธานีในอัตราร้อยละ 50 ของความเสียหายในส่วนที่ผู้ฟ้องคดีที่ 1 เป็นผู้ลงนามอนุมัติจัดซื้อ 7 สัญญาคิดเป็นเงิน 15.5 ล้านบาท และให้ผู้ฟ้องคดี 1 รับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในอัตราร้อยละ 15 ของความเสียหายดังกล่าว คิดเป็นเงินจำนวน 2.3 ล้านบาท จึงเป็นการกำหนดความเสียหายและสัดส่วนความรับผิดที่เหมาะสม และเป็นคุณแก่ผู้ฟ้องคดีที่ 1 มากแล้ว

ดังนั้น คำสั่งอบจ.ปทุมธานี ลงวันที่ 8 ธ.ค.2564 ที่ให้ผู้ฟ้องคดีที่ 1 ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ อบจ.ปทุมธานี เป็นเงินจำนวน 2.3 ล้านบาท จึงเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย

และเมื่อได้วินิจฉัยแล้วว่า คำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ที่ให้ผู้ฟ้องคดีที่ 1 ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ อบจ.ปทุมธานี เป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย ดังนั้นคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ที่วินิจฉัยให้ยกอุทธรณ์ของผู้ฟ้องคดีที่ 1 โดยอาศัยข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายเดียวกัน ซึ่งได้แจ้งให้ผู้ฟ้องคดีที่ 1 ทราบตามหนังสือลับมาก ที่ปท 51001 /013 ลงวันที่ 24 ก.พ.2565 จึงชอบด้วยกฎหมายเช่นกัน

พิพากษายกฟ้อง

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง