วันนี้ (27 ก.ย.2567) ชุดสืบนครบาลจับกุม น.ส.ชนิดตา ผู้ต้องหาตามหมายจับ 6 หมาย ในฐานความผิดฉ้อโกงทรัพย์และร่วมกันฉ้อโกง โดยจับกุมได้คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งบนย่านลาดพร้าว เขตวังทองหลาง ส่วนอีก 1 คนคือนางสุกัญญา พบหมายจับ 1 หมายในฐานความผิดร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์ โดยสามารถจับกุมได้ที่บริเวณหน้าโรงงานน้ำแข็ง เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ
จากกรณีมีกลุ่มมิจฉาชีพตระเวนนำทองปลอมไปจำนำร้านทองทั่วกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยเมื่อวันที่ 11 ธ.ค.2566 นางสุกัญญา ผู้ต้องหาในคดีนี้ กับพวก ได้นำสร้อยคอทองคำ น้ำหนัก 3 บาท มาจำนำที่ร้านทองภายในห้างสรรพสินค้าย่านแจ้งวัฒนะ
ผู้กล่าวหาเป็นคนรับจำนำทองดังกล่าว ทำการตรวจสอบด้วยวิธีชั่งน้ำหนักและส่องดูเปอร์เซ็นต์ทองได้ความบริสุทธิ์ของทอง 96.5% และได้ตรวจสอบตราส่งของร้านทองยี่ห้อหนึ่ง จากนั้นผู้กล่าวหาได้นำหัวจรวดและตะขอไปฝนที่หินเพื่อตรวจสอบเปอร์เซ็นทอง เช็คการเคลือบทองและหยดน้ำกรด น้ำเกลือ เพื่อตรวจสอบ พบว่าเป็นปกติไม่ลอก ไม่เกิดปฏิกิรยาใดๆ
ส่วนตัวสร้อยคอ ผู้กล่าวหานำไปตะไบและหยดด้วยน้ำกรด น้ำเกลือ ก็ไม่มีปฏิกิริยาเกิดขึ้น จึงเชื่อได้ว่าเป็นทองแท้ จึงรับจำนำไว้ในราคา 90,827 บาท พร้อมให้ผู้ต้องหาเซ็นเอกสาร ลงลายมือชื่อในตั๋วจำนำ และรับรองสำเนาบัตรประชาชนของผู้ต้องหา จากนั้นผู้กล่าวหาได้โอนเงินผ่านแอปพลิเคชัน ชื่อบัญชีบริษัทผู้เสียหายในคดีนี้ ไปยังบัญชีธนาคาร ชื่อบัญชี น.ส.สุกัญญา เป็นเงิน 90,827 ให้ผู้ต้องหาในคดีนี้ เมื่อผู้ต้องหาได้รับเงินแล้วได้เดินออกจากร้านไป
ต่อมา ผู้กล่าวหาได้รับแจ้งจากสำนักงานใหญ่ว่ากลุ่มผู้ต้องหาดังกล่าวเป็นมิจฉาชีพนำทองคำปลอมมาจำนำ จึงได้ใช้ไฟเป่าทองที่รับจำนำ ปรากฏว่าเมื่อใช้ไฟเป่าหัวจรวดหลุดออกจากตัวเส้นทอง เนื่องจากเป็นทองปลอม ใช้กาวเชื่อมติดไว้ หากเป็นทองจริงจะไม่หลุดออก เว้นแต่จะโดนความร้อนจนหลอมละลาย จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อร้องทุกข์ดำเนินคดีกับผู้ต้องหากับพวก จนคดีจะถึงที่สุด
ในชั้นจับกุม ผู้ต้องหาทั้ง 2 คนรับสารภาพว่าได้นำทองปลอม (ตะขอทองแท้) มาตระเวนขายตามร้านทองทั่วกรุงเทพฯ และพื้นที่ต่างจังหวัดจริง โดยรับมาจากนายเบิร์ด ไม่ทราบชื่อสกุล ให้ช่วยนำทองหนัก 2-3 บาทไปขาย ไปจำนำให้ โดยให้ค่าจ้างจากน้ำหนักทองบาทละ 5,000 บาท ซึ่งตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อและอยู่ระหว่างขยายผลหาผู้บงการ พร้อมนำตัวผู้ต้องหาที่ 1 ส่งไปยัง สภ.เมืองสมุทรสาคร ส่วนผู้ต้องหาที่ 2 ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ปากเกร็ด ดำเนินคดีตามกฎหมาย
ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ แจ้งเตือนผู้ประกอบการร้านค้าและประชาชน หลังพบการปลอมแปลงโลหะทองคำรูปแบบใหม่และใช้วิธีนำข้อต่อทองแท้มาใส่ไว้ เพราะร้านทองจะตรวจสอบเบื้องต้นที่ตะขอเพียงอย่างเดียว จึงทำให้หลงเชื่อว่าเป็นทองแท้ สำนักงานพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะสามารถตรวจสอบทองคำของเอกชนได้ต่อเมื่อวัตถุพยานชิ้นนั้นเป็นคดีความทางอาญา หรือเป็นคดีทางแพ่งที่ศาลสั่งให้มีการตรวจสอบแล้วเท่านั้น
อ่านข่าว
ตัวเลขพุ่ง 214 ผู้เสียหายคดี "แม่ตั๊ก-ป๋าเบียร์" ทองไม่ตรงปก
ฝนถล่มเชียงใหม่! น้ำป่าดอยสุเทพหลากชุมชนหนีวุ่น-อาศัยบนถนน
แจก 10,000 บาท 2 วันโอนไม่ผ่าน 1.9 แสนคน เปิด 2 สาเหตุไม่ได้เงิน