วุฒิสมาชิกชี้งบภัยพิบัติเปิดช่องว่างให้เกิดการทุจริต
หลายพื้นที่ซึ่งประสบปัญหาน้ำท่วมขณะนี้ล้วนเป็นพื้นที่ประสบภัยซ้ำซาก โดยผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่สามารถใช้อำนาจจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีพิเศษ ทำให้วุฒิสภาตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการเปิดช่องให้เกิดการทุจริต และส่งผลกระทบต่อการให้ความช่วยเหลือ
นายจิตติพจน์ วิริยะโรจน์ ประธานคณะกรรมาธิการกิจการองค์กรตามรัฐธรรมนูญและติดตามการบริหารงบประมาณ วุฒิสภา ยอมรับว่า การเบิกจ่ายงบประมาณบรรเทาความเดือดร้อนผู้ประสบภัยน้ำท่วม จากงบฯ สำรองจ่ายตามอำนาจผู้ว่าราชการ วงเงิน 50 ล้านบาท และขยายวงเงินได้อีก จากงบฯ กลางรวม 100 ล้านบาท เต็มไปด้วยช่องว่าง ที่เปิดโอกาสให้ทุจริตการเบิกจ่ายได้ โดยเฉพาะพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมซ้ำซาก พบข้อมูลว่า มีผู้ว่าราชการจังหวัดเบิกค่าใช้จ่ายส่วนเดิมซ้ำทุกปี อาทิ ค่าซ่อมแซมถนน ขุดลอกคลองเพื่อเปิดเส้นทางน้ำ ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่ตรวจสอบย้อนหลังลำบาก
เช่นเดียวกับความเร่งรีบเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย ถูกใช้เป็นเหตุผลในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีพิเศษ อาจเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทผู้รับเหมาในเครือข่ายนักการเมืองท้องถิ่น ประกอบกับเงินช่วยเหลือจากเอกชนและหน่วยงานต่างๆ ซึ่งไม่สามารถตรวจสอบได้อย่างชัดเจน เพื่อแก้ปัญหาทุจริต ขอให้ประชาชนในพื้นที่ร่วมตรวจสอบการใช้เงินเบิกจ่าย บรรเทาความเดือดจากภัยธรรมชาติให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
นายจิตติพจน์กล่าวอีกว่า รัฐบาลควรตั้งคณะทำงานตรวจสอบผลจากการเบิกจ่ายงบประมาณตามที่ผู้ว่าราชการจังหวัดเสนอมาทันที แทนการตรวจสอบย้อนหลังเช่นในปัจจุบัน เพื่อลดโอกาสการรั่วไหลของบประมาณดังกล่าว
ก่อนหน้านี้ วุฒิสภาเคยสรุปปัญหาและช่องว่างการใช้งบประมาณดังกล่าวเสนอต่อรัฐบาล แต่ถูกเพิกเฉย โดยอ้างความจำเป็นต้องให้ความช่วยเหลือถึงมือผู้ประสบภัยโดยเร็วที่สุด พร้อมยอมรับว่า นักการเมืองทั้งระดับชาติและท้องถิ่นมักเกรงปัญหาการเมืองเปลี่ยนแปลง จึงไม่ดำเนินโครงการก่อสร้างป้องกันภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างยั่งยืน