มองจากฝั่งไทย แสงไฟในเมืองชเวโก๊กโก่ จ.เมียวดี ประเทศเมียนมา ยังส่องสว่างในยามค่ำคืน แม้เลยกำหนดตามประกาศที่ออกมาก่อนหน้านี้ว่าบ.หยา ไท่ อินเตอร์เนชันแนล โฮงดิ้ง กรุ๊ป จะยุติกิจการในเมืองชเวโก๊กโก่ ในวันที่ 20 กันยายนที่ผ่านมา บ่งบอกว่าประกาศเป็นเพียงข่าวลือ
หลังวันที่ 20ก.ย.67 กิจการต่าง ๆ เมืองชเวโก๊กโก่ยังเดินหน้าต่อ รวมถึงการก่อสร้างอาคารใหม่
เหตุการณ์นี้อาจไม่ใช่เรื่องเหนือการคาดเดาเพราะก่อนประกาศออกมาเพียง 1 เดือน เมื่อวันที่ 10 ส.ค.67 ที่เมืองชเวโก๊กโก่ ยังมีการจัดงานสวดมนต์ อวยพรให้กับนายเฉอ เจ้อเจียง นักธุรกิจชาวจีน สัญชาติกัมพูชา ผู้ก่อตั้งกลุ่มหยาไท่ ที่ปัจจุบันถูกคุมขังในไทยตามหมายจับของตำรวจสากลในข้อหาหลอกลวงประชาชนในหลายประเทศผ่านการพนันออนไลน์ และยังมีชื่ออยู่ในบัญชีผู้ถูกคว่ำบาตรของสหราชอาณาจักร และอีกหลายประเทศ
งานสวดมนต์อวยพรให้นายเฉอ เจ้อเจียง จัดที่เมืองชเวโก๊กโก่ เมื่อวันที่ 10ส.ค.67
ในงานยังปรากฎภาพพ.อ.ชิตตุ ผู้นำกองกำลังแห่งชาติกะเหรี่ยง (Karen National Army - KNA) อดีตกองกำลังพิทักษ์ชายแดน (BGF) มาร่วมงาน ซึ่งชี้ให้เห็นว่าความสัมพันธ์ระหว่างกองกำลังที่มีอิทธิพลในพื้นที่กับกลุ่มธุรกิจ ยังมีความสัมพันธ์อันดีกันอยู่
พ.อ.ชิตตุ ผู้นำกองกำลังแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNA) อดีตกองกำลังพิทักษ์ชายแดน (BGF) ในงานสวดมนต์อวยพรให้นายเฉอ เจ้อเจียง
ข่าวลือเรื่องการยุติกิจการยังออกมาในช่วงประจวบเหมาะกับเงื่อนเวลาที่ KNA ประกาศให้กลุ่มธุรกิจออนไลน์และผู้เข้าเมืองผิดกฎหมายย้ายออกจากพื้นที่อิทธิพลภายในวันที่ 31ต.ค.นี้ แต่มุมมองนักวิจัยอิสระซึ่งเก็บข้อมูลกลุ่มธุรกิจสแกมเมอร์ในเมียนมากลับมองเห็นถึงสัญญาณบางอย่างที่ทำให้เชื่อว่าคำสั่งครั้งนี้อาจเป็นเพียงฉากหน้าของการแปลงโฉมของกลุ่มธุรกิจสีเทาชายแดนเมียนมา
ตอนนี้กลุ่มสแกมเมอร์กำลังย้ายไปอื่น ส่วนที่เดิมอาจเหลือแต่ธุรกิจที่ถูกกฎหมาย เวลาต่างชาติมาสำรวจ ก็จะไม่เจอสแกมเมอร์ การบังคับใช้แรงงานหรือการค้ามนุษย์ เพราะกิจการเหล่านี้ถูกย้ายไปที่อื่นซึ่งเตรียมการไว้ล่วงหน้าแล้ว
เมืองทุนจีนขยายตัวต่อเนื่อง
ทีมข่าวสังเกตการณ์ที่ท่าเรือริมแม่น้ำเมยแห่งหนึ่งในต.แม่กุ อ.แม่สอด จ.ตาก ตรงข้าม “เคเค ปาร์ก” จ.เมียวดี ซึ่งมีรายงานการช่วยเหลือผู้เสียหายถูกหลอกลวงและค้ามนุษย์หลากหลายสัญชาติ
เมืองนี้อยู่ในเขตอิทธิพลของพ.อ.เต่ง วิน รองผบ.กองกำลัง KNA และเคยปรากฏภาพในพิธีลงนามร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายภูมิภาค(กฟภ.)ของไทย เพื่อจำหน่ายไฟฟ้าให้เมือง เคเคปาร์ค ในปี 2561 ก่อนสัมปทานการซื้อขายสิ้นสุดลงในปี 2566
พ.อ.เต่ง วินในพิธีลงนามซื้อขายไฟฟ้ากับกฟภ.ในปี 2561 ก่อนหมดสัมปทานในปี 2566
ทีมข่าวพบรถกระบะบรรทุกอาหารสดน้ำหนักกว่า 3,000 กก. ข้ามฟากไปส่งที่เมืองเคเคปาร์ค ชาวบ้านในพื้นที่ยังบอกว่าพบรถลักษณะนี้เข้าออกท่าเรือวันละ 3-4 คัน ต่อเนื่องมานานหลายเดือน และเมื่อทีมข่าวสืบค้นข้อมูลบริษัทที่ถูกระบุว่าส่งอาหารไปเคเคปาร์ค พบว่าเพิ่งเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 1 ล้านบาทเป็น 2.5 ล้านบาท เมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา หลังจดทะเบียนบริษัทได้เพียง 9 เดือน
เช่นเดียวกับวัสดุก่อสร้าง ที่ถูกส่งจากไทยเข้าไปที่นั่นทุกวัน แหล่งข่าวด้านความมั่นคงในพื้นที่ยังรายงานว่าผู้ลงทุนเพิ่งซื้อที่ดิน 3,000 ไร่ ติดกับเมืองเคเค ปาร์ค เพื่อขยายพื้นที่เพิ่ม
รถบรรทุกกำลังข้ามฝั่งจากไทยไปส่งสินค้าที่เมืองเคเคปาร์ค จ.เมียวดี ประเทศเมียนมา
จับสัญญาณพญาตองซู
นอกจากเมืองทุนจีนในเขตอิทธิพลของ KNA จะขยายตัวอย่างต่อเนื่องแล้ว พื้นที่อิทธิพลของกองกำลังกะเหรี่ยงพุทธเพื่อสันติภาพ (DKBA) ก็พบการขยายตัวของกลุ่มทุนจีนเช่นเดียวกัน
เมืองพญาตองซู (พะย่าโต้นซู) จ.จะอินเซ็กจี ติดกับด่านเจดีย์สามองค์ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรีของไทย อยู่ในเขตอิทธิพลพ.อ.เอวัน หรือ เพียวลิน ผบ.ศูนย์บัญชาการทางยุทธวิธีที่ 2 กองกำลังDKBA พื้นที่นี้ถูกจับตามองในฐานะทางผ่านยาเสพติด สินค้าหนีภาษี และยังมีเครือข่ายขบวนการลักลอบนำพาคนเข้าเมืองอยู่ในฝั่งไทยและเมียนมา
นับตั้งแต่ต้นปี 2567 มีสัญญาณมากมายที่บ่งบอกถึงความเคลื่อนไหวของคนจีนและธุรกิจออนไลน์ในพื้นที่รอยต่อเมืองพญาตองซูและจ.กาญจนบุรี
เริ่มตั้งแต่หน่วยงานความมั่นคงในอ.สังขละบุรี เก็บข้อมูลพบคนจีนจำนวนมากเดินทางผ่านด่านตรวจร่วมน้ำเกริก ซึ่งเป็นด่านสุดท้ายก่อนถึงด่านเจดีย์สามองค์ ชายแดนไทยเมียนมา
ภาพคนจีนที่ฝ่ายความมั่นคงอ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี บันทึกไว้ช่วงต้นปี 2567
17 พ.ค.67 กสทช.ค้นบ้านพัก 4 หลัง ติดกับชายแดนไทย-เมียนมา พบลักลอบติดตั้งเครื่องวิทยุคมนาคมแบบเชื่อมโครงข่ายไร้สายระยะไกล ส่งสัญญาณไปทางเมืองพญาตองซู ประเทศเมียนมา
หลังจากนั้น 9 วัน ในวันที่ 26 พ.ค.67 เจ้าหน้าที่ด่านตรวจร่วมน้ำเกริกตรวจพบรถขนส่งอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ไอทีหลายรายการ ปลายทางอยู่ที่บ้านเจดีย์ล่าง เมืองพญาตองซู การสอบสวนพบต้นทางมาจากร้านขายคอมพิวเตอร์ ในกรุงเทพมหานคร เจ้าของร้านอ้างว่าไม่ทราบชื่อผู้สั่ง แต่ถูกกำชับให้ลงโปรแกรมเป็นภาษาจีน
2 สัปดาห์ต่อมา วันที่ 9 มิ.ย.67 ด่านน้ำเกริกที่เดิม พบคนจีน 2 คน ไม่มีหนังสือเดินทาง มุ่งหน้าด่านเจดีย์สามองค์ เมื่อตรวจค้นพบอุปกรณ์รับส่งอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียม สตาร์ลิงก์ 2 ชุด พร้อมโทรศัพท์มือถือและซิมการ์ดในกระเป๋าเดินทาง
คนจีน2คนถูกจับขณะมุ่งหน้าเมืองพญาตองซู พร้อมสตาร์ลิงก์
หนึ่งในผู้ต้องหาให้การว่าถูกชักชวนไปทำงานที่ประเทศกัมพูชา โดยรู้ภายหลังว่าเป็นงานหลอกลวงผ่านคอลเซนเตอร์ แต่อยู่ได้ไม่กี่วันก็ถูกนายจ้างส่งต่อมาที่เมืองพญาตองซู พร้อมพกกระเป๋า 2 ใบ ไปส่งให้บริษัทปลายทางซึ่งเป็นเครือข่ายเดียวกัน
ล่าสุดปลายเดือนสิงหาคม มีชายชาวจีนอายุ 29 ปี ในสภาพถูกล่ามโซ่ตรวนที่ข้อเท้าทั้ง 2 ข้าง นั่งขอความช่วยเหลือที่หน้าซอยเกษตร 5 ใกล้ด่านเจดีย์สามองค์ ตำรวจสอบสวนพบว่า ชายคนนี้หนีข้ามแดนมาจากเมืองพญาตองซู เขาถูกบังคับให้ทำงานที่ไม่อยากทำ จึงปฏิเสธจนถูกทำโทษด้วยการล่ามโซ่
คนจีนถูกพบในสภาพถูกล่ามโซ่ใกล้ด่านเจดีย์สามองค์
จากสถานการณ์ที่ไล่เรียงมาทำให้เห็นถึงการเคลื่อนไหวของชาวต่างชาติ การขนย้ายอุปกรณ์สื่อสาร ไปจนถึงสัญญาณของการบังคับใช้แรงงานและการค้ามนุษย์ ซึ่งล้วนแต่เคยเกิดขึ้นในพื้นที่จ.เมียวดี มาแล้วก่อนหน้านี้
ทุนจีนครองเมือง
ชาวเมืองพญาตองซูคนหนึ่งนำทีมงานมุ่งหน้าจากด่านเจดีย์สามองค์ ฝั่งประเทศเมียนมา ไปตามถนนสายหลัก ตลอดสองข้างทางเริ่มพบเห็นร้านอาหารจีน รวมถึงร้านค้าของคนจีน บางร้านใช้ภาษาจีนเป็นภาษาหลักในการสื่อสาร
แหล่งข่าวยังบอกว่าห้องพักหลายแห่งมีคนจีนเช่าอยู่ในระยะยาว เช่นเดียวกับที่ดินในย่านเศรษฐกิจที่ถูกคนจีนเข้ามากว้านซื้อ ทำให้ค่าเช่าและราคาที่ดินในเมืองพญาตองซูพุ่งสูงขึ้น จนชาวบ้านดั้งเดิมเริ่มถูกเบียดออกไปอยู่นอกพื้นที่
ส่วนใหญ่คนที่นี่เขาไม่ชอบ คนจีนมาพร้อมกับเงิน ถ้าซื้อที่ดินได้ ซื้อทุกอย่างได้ อีกหน่อยเขาอยากจะทำอะไรก็ทำได้ กลัวว่าจะเหมือนกับทางเมียวดี
คนจีนในกาสิโน เมืองพญาตองซู เมียนมา
ไม่ใช่แค่ย่านที่อยู่อาศัย แต่บนถนนศรียาดานา ติดกับชายแดนไทย ซึ่งมีบ่อนและสถานบันเทิงเรียงรายตลอดสองข้างทาง ก็พบเห็นคนจีนได้ตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน
อาคารที่อยู่ระหว่างก่อสร้างหลายแห่ง ถูกระบุว่าเป็นกาสิโนของกลุ่มทุนจีนที่ย้ายฐานมาจากชายแดนจ.เมียวดี และยังมีกลุ่มอาคารแห่งหนึ่งติดชายแดนไทยถูกระบุว่าเป็นฐานสแกมเมอร์ซึ่งฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่กาญจนบุรีกำลังจับตามองอย่างใกล้ชิด
อาคารกาสิโนกำลังก่อสร้างบนถนนศรียาดานา เมืองพญาตองซู
เบื้องหลังกำแพงวาเล่ย์
เมืองวาเลย์ (Wawlay) ตอนใต้จ.เมียวดี ตรงข้ามบ้านวาเล่ย์เหนือ ต.วาเล่ย์ อ.พบพระ จ.ตาก เป็นอีกแห่งที่ถูกระบุว่าเป็นฐานรองรับธุรกิจสีเทา
ที่นั่นมีสะพานไม้ขนาดเล็กสำหรับข้ามห้วยวาเล่ย์ พรมแดนไทย-เมียนมา ที่ตีนสะพานมีป้อมทหารของ DKBA บ่งบอกว่าเป็นกองกำลังที่มีอิทธิพลในพื้นที่
ติดกับเส้นเขตแดนจะมีกำแพงคอนกรีตติดตั้งรั้วลวดหนามหีบเพลง บางจุดสูงจากพื้นดินกว่า 5 เมตร เมื่อสอบถามชาวเมียนมาในพื้นที่บอกว่าเบื้องหลังกำแพงเป็นกาสิโน แต่บุคคลภายนอกเข้าไปไม่ได้
อาคารในเมืองวาเล่ย์ ติดลูกกรงเหล็กและมีสตาร์ลิงก์บนหลังคา
มองจากฝั่งไทยเข้าไปเบื้องหลังกำแพง พบว่าภายในมีอาคารหลายหลังติดตั้งลูกกรงที่หน้าต่าง มีอุปกรณ์รับส่งอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมสตาร์ลิงก์อยู่บนหลังคาเกือบทุกตึก
ภายในมีคนจีนอยู่ในนั้นจำนวนมาก บางส่วนหิ้วกระเป๋ากับถุงใส่เครื่องนอนคล้ายเพิ่งย้ายเข้ามาใหม่ วันที่ทีมข่าวลงพื้นที่ได้ยินเสียงกลุ่มคนร้องเพลงเป็นภาษาจีนดังออกมาจากหลังกำแพง
ชาวบ้านในพื้นที่บอกว่าเดิมพื้นที่หลังกำแพงถูกสร้างเป็นกาสิโนตั้งแต่ปี 2563 แต่หลังโควิด 19 ระบาดนักท่องเที่ยวเริ่มน้อยลง จนภายหลังปิดไม่ให้บุคคลภายนอกเข้าแต่กลับพบคนลักษณะคล้ายคนจีนเข้าไปอยู่ในนั้นแทน
ไม่มีตัวเลขที่แน่นอนเกี่ยวกับจำนวนคนที่อยู่หลังกำแพง แต่คนขายอาหารในไทยให้ข้อมูลว่าปริมาณอาหารที่ถูกสั่งซื้อเข้าไปในนั้นเพิ่มขึ้นตลอด 4-5 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งอาจสะท้อนถึงจำนวนคนที่เพิ่มขึ้น
ตรงข้ามอ.พบพระ ยังมีอีกพื้นที่หนึ่งที่กำลังถูกจับตามอง คือ เขตไท่ชาง เมืองเจาคะ จ.เมียวดี มีรายงานว่าเขตนี้ถูกพัฒนาเมื่อต้นปี 2566 โดยมีบริษัทที่จดทะเบียนในประเทศไทยเข้าไปเกี่ยวข้อง ไม่นานมานี้ยังมีรายงานการช่วยเหลือชาวโมร็อกโก 17 คน รวมถึงบุคคลสัญชาติต่าง ๆ จากที่นั่น
เมืองนี้อยู่ในเขตอิทธิพลของพลจัตวา ไซ จ่อ หล่า หรือที่คนพื้นที่เรียกว่า "โกไซ" ผู้นำระดับสูง ของกองกำลัง DKBA เดิมเป็นชาวไทใหญ่จากตอนเหนือของรัฐฉาน ย้ายไปอยู่ในพื้นที่ของ DKBA จนกลายเป็นผู้นำเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา
USIP เคยออกรายงานระบุว่าเมืองวาเล่ย์และเขตไท่ชางเป็นเขตอาชญากรรมที่เกิดขึ้นใหม่ในช่วงที่มีการย้ายฐานธุรกิจสีเทาออกจากเมืองเลาก์ก่าย ตอนเหนือของรัฐฉานประเทศเมียนมา และ เมืองสีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชา
เมืองไท่ชาง เมืองเจาคะ ประเทศเมียนมา ตรงข้ามอ.พบพระ จ.ตาก
2 กองกำลังคุ้มกันส่งต่อกลุ่มทุน
นักวิจัยอิสระในเมียนมาได้รับข้อมูลจากแหล่งข่าวในเมืองชเวโก๊กโก่ จ.เมียวดี ว่ากองกำลังแต่ละพื้นที่จะรับหน้าที่ในการเคลื่อนย้ายกลุ่มทุน โดยทหารของ KNA จะรับหน้าที่คุ้มกันนายทุนและพนักงานไปส่งที่โรงแรมในเมียวดี จากนั้นจะมีทหารของ DKBA มารับตัวไปส่งที่ปลายทาง
สื่อเมียนมายังรายงานว่าการเคลื่อนย้ายแต่ละครั้งมีค่าใช้จ่ายคนละ 1 แสนบาท
บางส่วนที่มีหนังสือเดินทางถูกต้องอาจใช้เส้นทางในประเทศไทย เริ่มต้นจากอำเภอแม่สอด โดยเครื่องบินหรือรถยนต์ จากนั้นจ้างคนขับรถไปอ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ก่อนข้ามแดนทางช่องทางธรรมชาติใกล้ด่านเจดีย์สามองค์
นอกจากรับหน้าที่คุ้มกันระหว่างเดินทางแล้ว ยังมีข้อมูลว่าทหารของกองกำลังในพื้นที่ยังรับหน้าที่ดูแลความปลอดภัยให้กับฐานของกลุ่มทุน เช่นที่วาเล่ย์ ก็มีทหารของ DKBA ลาดตระเวนภายในรั้วกำแพง ส่วนเมืองพญาตองซูก็พบทหารของ DKBA เฝ้าบริเวณทางเข้าออกกลุ่มอาคารที่ถูกระบุว่าเป็นฐานสแกมเมอร์เช่นกัน
ทหารDKBAลาดตระเวนรอบกำแพงในเมืองวาเล่ย์
มีข้อมูลว่ายังมีกลุ่มธุรกิจสีเทาอีกจำนวนหนึ่งใช้พื้นที่ตอนในของประเทศเมียนมาเป็นฐานแห่งใหม่ อ้างอิงจากข้อมูลสถานที่ที่ผู้เสียหายส่งมาขอความช่วยเหลือจากอาสาสมัครในจังหวัดเมียวดี บางครั้งตั้งอยู่กลางป่าห่างจากชายแดนเข้าไปหลายกิโลเมตร ทำให้การช่วยเหลือและการปราบปรามกลุ่มธุรกิจผิดกฎหมายทำได้ยากขึ้นตามไปด้วย