ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

กสม.จี้ สปส.ปม “บุตรตามความจริง” ร้องขอรับเงินชราภาพ

สังคม
25 ต.ค. 67
14:46
219
Logo Thai PBS
กสม.จี้ สปส.ปม “บุตรตามความจริง” ร้องขอรับเงินชราภาพ
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
กสม.แนะสปส.ยกเลิกแนวปฏิบัติสำนักงานประกันสังคม กรณีไม่จ่ายเงินสงเคราะห์ ของผู้ประกันตนซึ่งถึงแก่ความตายให้กับบุตรที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่เป็นบุตรตามความเป็นจริง ชี้มีคดีร้องเรียน 3,812 คดี

วันนี้ (25 ต.ค.2567) น.ส.สุภัทรา นาคะผิว กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เปิดเผยว่า คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้พิจารณากรณีสำนักงานประกันสังคมปฏิเสธการจ่ายเงินสงเคราะห์ และเงินบำเหน็จชราภาพของผู้ประกันตน ซึ่งถึงแก่ความตายให้กับเด็กหญิง ซึ่งเป็นบุตรที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่เป็นบุตรตามความเป็นจริงของผู้เสียชีวิต

โดยเด็กหญิงและมารดา ต้องยื่นฟ้อง สำนักงานประกันสังคมและคณะกรรมการอุทธรณ์ ต่อศาลแรงงานภาค 7 เพื่อให้ได้รับเงินสงเคราะห์ตามมาตรา 73 (2) แห่งพ.ร.บ.ประกันสังคม พ.ศ.2533 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2558

ต่อมาแม้ว่าศาลแรงงานภาค 7 จะมีคำพิพากษาว่า "บุตร" ในพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ.2533 หมายถึงบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายและบุตรตามความเป็นจริงด้วย และศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษได้พิพากษาเห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของศาลแรงงานภาค 7 แต่สำนักงานประกันสังคมกลับมีหนังสือแจ้งเวียนว่า คำพิพากษามีผลผูกพันเฉพาะราย และให้ตีความคำว่า "บุตร" หมายถึงบุตรชอบด้วยกฎหมายเท่านั้น

กสม. เห็นว่ากรณีดังกล่าวเป็นการจำกัด และกระทบต่อสิทธิ์เด็กและทายาทตามความเป็นจริงของผู้ประกันตน ซึ่งถึงแก่ความตาย จึงได้หยิบยกขึ้นศึกษาเพื่อจัดทำข้อเสนอแนะในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน

น.ส.สุภัทรา นาคะผิว กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ  (กสม.)

น.ส.สุภัทรา นาคะผิว กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.)

น.ส.สุภัทรา นาคะผิว กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.)

ชี้มีเคสร้องเรียน 3,812 คดี

กสม.ได้พิจารณาข้อเท็จจริงจากการรวบรวมข้อมูลของสถาบันนิติวัชร์ สำนักงานอัยการสูงสุด ระหว่างปี 2565 ถึงเดือน พ.ค.2567 ระบุว่า ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัด 64 จังหวัด มีคำร้องขอรับรองบุตรเพื่อนำไปใช้ประกอบการยื่นขอรับเงินประโยชน์ทดแทนกรณีผู้ประกันตนถึงแก่ความตายให้แก่บุตรที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จำนวน 3,812 คดี เฉลี่ยปีละ 1,687 คดี

โดยมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยกว่า 10,000 บาทต่อคดี การดำเนินการดังกล่าวตั้งแต่ต้นจนเสร็จสิ้นทุกขั้นตอนต้องใช้เวลานานกว่า 3 ปี 10 เดือน เป็นเหตุให้บุตรของผู้ประกันตนที่ขอรับเงินสงเคราะห์ ได้รับเงินล่าช้า และไม่ทันต่อสถานการณ์ความเดือดร้อน

เช่นเดียวกับกรณีนี้ การที่มารดาและเด็กต้องเป็นฝ่ายฟ้องคดีเพื่อให้ได้รับเงินประโยชน์ทดแทนตาม พ.ร.บ.ประกันสังคม โดยต้องเผชิญกับขั้นตอนทางกฎหมายที่ซับซ้อน ทำให้ต้องสูญเสียรายได้ เพิ่มภาระและค่าใช้จ่ายจากการหยุดงานเพื่อไปขึ้นศาลบ่อยครั้ง

ขณะที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องสูญเสียแรงงานทรัพยากรบุคคลโดยไม่จำเป็น เพราะเมื่อศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดตีความให้ "บุตร" ตามกฎหมายประกันสังคม หมายรวมถึงบุตรตามความเป็นจริงแล้ว สำนักงานประกันสังคมต้องจ่ายเงินดังกล่าวเช่นเดิม

แต่กรณีนี้สำนักงานประกันสังคม โดยสำนักสิทธิประโยชน์ กลุ่มงานกำกับและควบคุมการวินิจฉัยประโยชน์ทดแทน กลับมีหนังสือเวียน ที่ รง 0629/ว95 ลงวันที่ 15 ก2567 แจ้งสำนักงานประกันสังคมจังหวัด/สาขา ว่าคำพิพากษาของศาลมีผลต่อคู่ความในคดีเท่านั้น

การจ่ายเงินสงเคราะห์กรณีผู้ประกันตนเสียชีวิตและเงินบำเหน็จชราภาพแก่บุตรที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ต้องเป็นกรณีที่ศาลมีคำสั่งเท่านั้น หากจะเปลี่ยนแปลงแนวทางการวินิจฉัยจ่ายประโยชน์ทดแทนได้ต้องมีคำพิพากษาที่พิจารณาพิพากษาคดีจนเป็นแนวบรรทัดฐาน

กสม. เห็นว่า แนวปฏิบัติตามหนังสือเวียนดังกล่าว ของสำนักงานประกันสังคมกระทบต่อสิทธิของเด็กและทายาทที่จะได้รับสวัสดิการสังคม และหลักประกันสังคม ซึ่งได้รับการรับรองตามข้อ 9 ของกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม (ICESCR)

และความเห็นทั่วไป ของคณะกรรมการประจำกติกา ICESCR ที่ประสงค์ให้รัฐมุ่งเน้นสิทธิ์ในการเข้าถึงและรักษาสิทธิ์ประโยชน์แก่ผู้ที่อยู่ในความอุปการะ ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบของเงินหรือสิ่งอื่นใดโดยปราศจากการเลือกปฏิบัติ เพื่อให้ได้ความคุ้มครองจากการขาดรายได้จากการทำงานที่มีสาเหตุจากการเสียชีวิตของสมาชิกในครอบครัว

รวมทั้งข้อ 2 ของอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก (CRC) ที่รับรองสิทธิเด็กมิให้ถูกเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งการเกิดหรือสถานะอื่น ๆ ของเด็ก หรือบิดา มารดา หรือผู้ปกครองตามกฎหมาย ตลอดจนรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 มาตรา 74 ว่าด้วยแนวนโยบายของรัฐในการคุ้มครองและส่งเสริมผู้ใช้แรงงานด้านรายได้ สวัสดิการ การประกันสังคม และสิทธิประโยชน์อื่นที่เหมาะสมแก่การดำรงชีพ

ด้วยเหตุนี้ กสม. ในคราวประชุมด้านการคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิมนุษยชน ครั้งที่ 39/2567 เมื่อวันที่ 15 ต.ค.ที่ผ่านมา จึงมีมติให้แจ้งข้อเสนอแนะในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนไปยัง นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงานเพื่อมอบหมายให้สำนักงานประกันสังคม ยกเลิกหนังสือสำนักสิทธิประโยชน์ กลุ่มงานกำกับและควบคุมการวินิจฉัยประโยชน์ทดแทน ที่ รง 0629/ว95 ลงวันที่ 15 ก.ค.2567

และให้มีหนังสือแจ้งแนวปฏิบัติเรื่องการตีความคำว่า "บุตร" ในมาตรา 73 (2) และมาตรา 77 จัตวา วรรคสอง (1) แห่งพ.ร.บ.ประกันสังคม พ.ศ.2533 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ให้สอดคล้องตามคำพิพากษาศาลแรงงานภาค 7 และศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ

กล่าวคือให้ตีความ "บุตร" ตามกฎหมายประกันสังคม หมายรวมถึงบุตรตามความเป็นจริง

ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้เป็นภาระเกินสมควร และเพื่อเป็นการคุ้มครองสิทธิของเด็กให้ได้รับสวัสดิการสังคมและหลักประกันทางสังคมโดยปราศจากการเลือกปฏิบัติ ตามที่ได้รับรองไว้ในรัฐธรรมนูญ และกติการะหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง

รวมทั้งเพื่อให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของ พ.ร.บ.ประกันสังคม พ.ศ.2533 และที่แก้ไขเพิ่มเติมด้วย

อ่านข่าว 

คุม "นัตตี้" พร้อมแม่โกงเทรดหุ้น ถึงไทยแล้ว หลังถูกจับที่อินโดนีเซีย

อบอุ่น! ส่งเด็กหญิง 14 ปีรถบัสไฟไหม้กลับบ้านแล้ว

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง