วันนี้ (30 ต.ค.2567) นายศักดิ์เกษม นิไทรโยด ผู้ตรวจการอัยการและโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงประเด็นที่มีอัยการและภรรยาถูกพาดพิงว่าเป็น 2 ใน 8 แม่ทีมของบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป ที่นายวิฑูรย์ เก่งงานทนายความของนายวรัตน์พล หรือ พอล เตรียมทำหนังสือถึงกรมสอบสวนคดีพิเศษ ขอเปลี่ยนสถานะจากผู้เสียหายให้กลายเป็นผู้ต้องหาในคดีร่วมกันฉ้อโกงประชาชน
โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ระบุว่า อัยการสูงสุดทราบเรื่องดังกล่าวและสั่งการให้อธิบดีอัยการภาค 4 ในฐานะผู้บังคับบัญชา ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นเมื่อช่วงเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา คาดว่าจะได้ข้อสรุปและรายงานให้อัยการสูงสุดทราบผลภายในสัปดาห์หน้า
ส่วนขั้นตอนการทำงาน คณะกรรมการฯ มีเวลา 30 วันตามระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการในการแสวงหาพยานหลักฐานและข้อเท็จจริง แต่หากเห็นว่ามีประเด็นน่าสงสัยต้องการสอบสวนเพิ่มเติม สามารถทำหนังสือถึงอัยการสูงสุดขอขยายเวลาได้ 2 ครั้ง ครั้งละ 30 วัน จากนั้นจะรายงานผลให้อัยการสูงสุดรับทราบ
หากผลการตรวจสอบไม่พบความผิดก็จะยุติเรื่องดังกล่าว หรือหากอัยการสูงสุดมีความเห็นว่ามีประเด็นน่าสงสัยก็สามารถสั่งให้คณะกรรมการฯ ตรวจสอบเพิ่มเติมได้ แต่หากผลสรุปออกมาว่าพบความผิด อัยการสูงสุดจะสั่งให้ตั้งคณะกรรมการสอบวินัย ซึ่งจะมีเวลาตรวจสอบ30 วันและขอขยายได้ 2 ครั้ง ครั้งละ 30 วัน เช่นเดียวกัน
สำหรับบทลงโทษทางวินัย หากเป็นความผิดเล็กน้อย อัยการสูงสุดสามารถว่ากล่าวตักเตือนได้ แต่หากเป็นความผิดวินัยแต่ไม่ร้ายแรง ก็จะทำหนังสือถึงคณะกรรมการอัยการเป็นผู้พิจารณาบทลงโทษให้ตัดเงินเดือน หรือลดขั้นเงินเดือน แต่หากเป็นความผิดวินัยร้ายแรง จะมีโทษให้ออก ปลดออกและไล่ออก ขณะที่อัยการที่ถูกพาดพิงขณะนี้ยังสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ตามปกติจนกว่าจะมีผลถึงที่สุด
อ่านข่าว
"เลิศศักดิ์" โต้ พปชร. ปูดอักษรย่อคนเพื่อไทยเอี่ยว "ดิไอคอน"
ลูกสาว "ชัยชนะ" ถูกแก๊งคอลเซนเตอร์อ้างเป็น DSI รีดเงินสูญ 6 แสน
สภาทนายความเล็งฟัน ทนายหิวเเสง ชี้ประพฤติผิดมรรยาทอาจถูกพักใบอนุญาต