วันนี้ (11 พ.ย.2567) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยความคืบหน้าการเอาผิดกับผู้ที่เรียกรับผลประโยชน์จากนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ พอล ว่า วันนี้ได้มีการประชุมทั้งหมด 4 เรื่อง เรื่องแรกคือเรื่องของ น.ส.กฤษอนงค์, เรื่องของอดีตสมาชิกพรรคการเมือง เรื่องของนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายใหม่ต้องรอด และเรื่องของนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม
โดยในสัปดาห์นี้จะเป็นการดำเนินการความคืบหน้าของ น.ส.กฤษอนงค์ ซึ่งขณะนี้มีการตรวจสอบพยานหลักฐานและสอบข้อเท็จจริง คืบหน้าไปมากและจะมีการสอบพยานเพิ่มอีก 2 ปาก เป็นผู้ที่มีความเกี่ยวข้องกับธนาคารและทนายความ ซึ่งพนักงานสอบสวนยืนยันว่าวัน สัปดาห์นี้จะมีความชัดเจนในเรื่องนี้
ส่วนประเด็นของอดีตนักการเมือง ล่าสุดตำรวจตรวจพบเส้นเงินแล้ว กำลังอยู่ในขั้นตอนการนำเอาคำสั่งต่าง ๆ มาไล่เรียงลำดับเวลาว่าได้รับการแต่งตั้งจากรัฐบาลเมื่อไหร่ ปลดเมื่อไหร่ และเป็นช่วงเวลาเดียวกับในคลิป ที่ปรากฏพฤติกรรมเรียกรับผลประโยชน์หรือไม่ เพราะอาจจะเข้าข่ายความผิดของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รวมถึงการพยายามกรรโชกทรัพย์ ซึ่งประเด็นนี้จะต้องมีการคุยกับนักกฎหมายว่าตำรวจจะดำเนินเรื่องอย่างไรได้บ้าง
ส่วนการตรวจสอบเส้นทางการเงินของแม่อดีตนักการเมืองเบื้องต้นพบในระยะเวลา 2 ปีที่มีการเปิดบัญชีธนาคาร มีเส้นเงินโอนมาจากนายพอส เป็นจำนวนเงินกว่า 600,000 บาท ซึ่งจะต้องนำยอดเงินส่วนนี้มาดูว่าขณะนั้น อดีตนักการเมือง อยู่ในตำแหน่งหรือไม่ เบื้องต้นเชื่อว่าคนกลุ่มนี้ให้ความช่วยเหลือบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป ในการแก้ปัญหาต่าง ๆ ซึ่งหลังจากนี้จะมีการเรียกแม่นักการเมืองเข้ามาให้ปากคำภายในสัปดาห์นี้
ส่วนกรณีการรับเงินของทนายตั้ม ซึ่งมีเส้นทางการเงินที่น้องสาวทนายตั้มนำมาให้พนักงานสอบสวนเกี่ยวกับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากบริษัทดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด ประมาณ 66 คน จากการตรวจสอบพบเป็นข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1-14 ต.ค. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบว่าทั้งหมดมีความเสียหายจริงหรือไม่ และมาติดต่อบริษัท ษิทรา ลอว์ เฟิร์ม จริงหรือไม่ โดยหากมีการติดต่อจริงมีความเสียหายจริงก็ต้องให้ความเป็นธรรม เบื้องต้นพบมูลค่าความเสียหายที่ดูประมาณ 10 ล้าน แต่ทนายตั้มเคยเรียก 7 ล้าน ส่วนนี้จึงต้องดูไทม์ไลน์ว่าเรียกเกินไปไหมเพราะผู้เสียหายบางคนยอดความเสียหายไม่เท่ากัน
สำหรับกรณีของนายเอกภพ ขณะนี้จากการตรวจสอบพบว่าน่าจะเข้าข่ายความผิด พ.ร.บ.คอมฯ ส่วนพยานขอประชุมอีกครั้งหนึ่งว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ ซึ่งในวันพุธ 13 พ.ย.นี้ จะมีการประชุมเรื่องดังกล่าวอีกรอบหนึ่งในการเร่งรัดให้จบไปเป็นกรณีไป
อ่านข่าว : 21 วันควาญขลุ่ยขึ้นคอ "พลายดอกแก้ว" สำเร็จหลังย้ายบ้านใหม่