วานนี้ (20 พ.ย.2567) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลัง น.ส.จตุพร อุบลเลิศ เดินทางเข้าพบตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อให้ข้อมูลจากกรณีที่นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต เข้าให้ปากคำกับตำรวจก่อนหน้านี้อ้างว่านายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ได้ใส่ชื่อตัวเองลงไปเป็นผู้จัดการมรดก เพื่อให้ตำรวจตรวจสอบว่าเข้าข่ายเป็นกระบวนการฉ้อโกงหรือไม่
อ่านข่าว : เส้นทาง "ทนายตั้ม" บทบาททนายความบนความสนใจของสังคม
การสอบปากคำนางสาวจตุพร ตำรวจใช้เวลานานกว่า 12 ชม. จนถึงช่วงเวลา 22.30 น. เมื่อคืนที่ผ่านมา น.ส.จตุพร พร้อมผู้ติดตามอีก 3 คน เดินลงมาจากอาคารประชาอารักษ์ กองบังคับการปราบปราม ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนสั้น ๆ ว่าจะเดินหน้าดำเนินคดีกับนายษิทราให้ถึงที่สุด พร้อมระบุว่าจะเดินทางกลับที่ประเทศฝรั่งเศสในวันนี้
พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า กรณีเชิญ น.ส.จตุพร มาให้ปากคำเพิ่มเติม มุ่งเน้นไปในเรื่องของตรวจสอบคำให้การก่อนหน้านี้ว่ามีส่วนใดขาดตกบกพร่อง และเพื่อให้สำนวนการสอบสวนครบถ้วนสมบูรณ์
ส่วนประเด็นเรื่องการทำพินัยกรรมที่ให้นายษิทราเป็นผู้จัดการมรดกนั้น ในการสืบสวนที่ผ่านมาไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่วันนี้อาจสอบถามเพิ่มเติมว่า พินัยกรรมเกี่ยวข้องกับคดีในส่วนใดหรือไม่ ทั้งนี้ การเชิญให้ปากคำวันนี้มีเพียง น.ส.จตุพร ที่ตำรวจนัดหมายเพียงคนเดียวเท่านั้น
อ่านข่าว : "ปานเทพ" ให้ปากคำคดี "ทนายตั้ม" เส้นทางแบ่งเงิน 39 ล้าน
ตร.เรียก "ทนายรณณรงค์" ให้ปากคำขยายผลคดี "ทนายษิทรา"
ตร.สอบ "พี่สาว" ทนายตั้มในฐานะคนใกล้ชิด จ่อสอบบุคคลอื่นเพิ่ม