วันนี้ (22 พ.ย.2567) ศาลอาญาระหว่างประเทศ (ไอซีซี) ออกแถลงการณ์ระบุว่า ได้ออกหมายจับเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล โยอาฟ กัลแลนต์ อดีตรัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล และ โมฮัมเหม็ด เดอีฟ ผู้บัญชาการทหารกลุ่มฮามาส โดยระบุว่า มีเหตุผลอันสมควรที่ชายทั้ง 3 คน ต้องรับผิดทางอาญาในข้อหาก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติและอาชญากรรมสงคราม สืบเนื่องจากสงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสในกาซาที่ปะทุขึ้น เมื่อวันที่ 7 ต.ค.ปีที่แล้ว
เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล (ซ้าย) และรัฐมนตรีกลาโหม โยอาฟ กัลแลนต์ ในงานแถลงข่าวในฐานทัพทหารเคอร์ยา ในเทลอาวีฟ เมื่อวันที่ 28 ต.ค.2566
หลังจากมีการออกหมายจับผู้นำอิสราเอลออกมาประณามการตัดสินใจของศาลอาญาระหว่างประเทศ ว่าเป็นการต่อต้านชาวยิว เช่นเดียวกับนักการเมืองอิสราเอลหลายคนที่ออกมาโพสต์ข้อความผ่านสื่อสังคมออนไลน์ประณามการออกหมายจับดังกล่าว ขณะที่กลุ่มฮามาส ระบุว่า การออกหมายจับเนทันยาฮูและกัลแลนต์ได้สร้างบรรทัดฐานทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญ
ขณะที่การออกหมายจับครั้งนี้ที่รวมถึงผู้บัญชาการทหารกลุ่มฮามาสมีขึ้นแม้ว่าอิสราเอลจะระบุว่า โมฮัมเหม็ด เดอีฟ เสียชีวิตจากการโจมตีทางอากาศในกาซา ตั้งแต่เดือน ก.ค.ก็ตาม แต่อัยการศาลอาญาระหว่างประเทศ ระบุว่า ไม่สามารถระบุได้ว่า โมฮัมเหม็ด เดอีฟ ถูกสังหารหรือยังมีชีวิตอยู่หรือไม่
ด้านทำเนียบขาวออกมาเคลื่อนไหว ระบุว่า สหรัฐฯ ปฏิเสธการตัดสินใจของศาลอาญาระหว่างประเทศ แต่หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป (อียู) ระบุว่า ควรเคารพและปฏิบัติตาม
การออกหมายจับครั้งนี้ เนทันยาฮูและอดีตรัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล มีสิทธิ์โดนจับหากว่าออกเดินทางไปกว่า 124 ประเทศทั่วโลกที่เป็นสมาชิกของไอซีซี ซึ่งแม้จะมีหมายจับแต่ทั้ง 2 คน จะยังไม่ถูกดำเนินคดีทันที แต่อาจทำให้การเดินทางไปต่างประเทศเป็นไปได้ยาก เนื่องจากในทางปฏิบัติหากทั้งคู่เหยียบประเทศสมาชิกไอซีซีเมื่อไหร่จะต้องถูกจับกุมและส่งตัวให้ศาล
การเดินทางไปต่างประเทศครั้งล่าสุดของเนทันยาฮู คือเมื่อเดือน ก.ค. โดยได้เดินทางเยือนสหรัฐฯ ซึ่งไม่ได้เป็นประเทศสมาชิก แต่เมื่อปีที่แล้วได้เยือนประเทศอื่น ๆ อีกหลายประเทศ ซึ่งรวมถึงประเทศสมาชิกของไอซีซี ขณะที่ก่อนหน้านี้ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียได้ถูกไอซีซีออกหมายจับเช่นกัน เนื่องมาจากสงครามในยูแครน แต่ปูตินยังสามารถเดินทางเข้าจีนได้หลายครั้ง
ความเคลื่อนไหวของไอซีซีครั้งนี้มีขึ้นขณะที่กระทรวงสาธารณสุขปาเลสไตน์ภายใต้การดูแลของกลุ่มฮามาส เปิดเผยยอดผู้เสียชีวิตในกาซาล่าสุดเพิ่มขึ้นเป็น 44,000 คน
ขณะที่หนึ่งวันก่อนหน้าที่จะมีการออกหมายจับครั้งนื้สหรัฐฯ ใช้สิทธิวีโต้ร่างมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ซึ่งเรียกร้องให้มีการหยุดยิงอย่างถาวรในกาซาโดยทันทีและไม่มีเงื่อนไขพร้อมกับปล่อยตัวประกันทั้งหมด
ร่างมติดังกล่าวจะได้รับการเห็นชอบจากคณะมนตรีความมั่นคง 14 จาก 15 ประเทศ โดยสหรัฐฯ เป็นชาติเดียวที่คัดค้าน โดยใช้สิทธิวีโต้ในฐานะสมาชิกถาวร และถือเป็นครั้งที่ 4 แล้วที่ใช้สิทธิดังกล่าว
อ่านข่าวอื่น : "ปูติน" แถลงยิงขีปนาวุธตอบโต้ทางตะวันออกของยูเครน