“สามารถ” ใช้สารพัดวิธีสู้ แต่ไม่ได้ผลแถม “คดีงอก”

ก่อนหน้านั้น นับตั้งแต่ถูกควบคุมตัวตามหมายจับ ข้อหาร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน ในคดีดิไอคอนกรุ๊ป นางวิลาวัลย์ ผู้เป็นแม่ ได้รับการประกันตัว แต่นายสามารถถูกปฏิเสธ เพราะพนักงานสอบสวนค้านประกันตัว

นายสามารถใช้วิธี “อดข้าวประท้วง” ทันทีตั้งแต่วันแรก อ้างเพื่อขอความเป็นธรรม แต่ลึก ๆ จะหวังเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์บนหน้าข่าว หรือสื่อโซเชียล หรือจะหวังกดดันอะไรก็ตามที แต่เรื่อง “อดข้าวประท้วง” แทบไม่มีคนพูดถึง

สุดท้าย ทนายความนายสามารถ ว่าที่ ร.ต.นฤพล เรืองสังข์ ยอมรับว่า นายสามารถยอมจิบน้ำแล้ว และออกจากทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ด้วยสภาพร่างกายที่ดีขึ้น มีน้ำมีนวลขึ้น แต่ยังยืนยันจะอดอาหารต่อไป ทั้งยอมรับว่ามีอาการเครียด วิตกกังวลเห็นได้ชัด

ซึ่งก็สมเหตุสมผล เพราะเพียงแค่ข้อหาเดิม รวมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน ก็ชวนปวดหัวสำหรับการสู้คดีอยู่แล้ว แต่ยังต้องพิสูจน์ที่มาของเงินเข้าบัญชี นางวิลาวัลย์ ผู้เป็นแม่ ร่วมนับร้อยล้านบาทด้วย

ฟังจากปากของ “รองเต่า” พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผบช.ก. ระบุชัดว่า นอกเหนือเงินโอนจากบอสดิไอคอนรวม 3 ล้านบาท ที่เหลือมาจาก 9-10 แหล่งที่ต้องตรวจสอบ ทั้งยังระบุชัดว่า เกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ ถึงขั้นฟันธงว่า นายสามารถเล่นพนันแน่นอน ซึ่งต่อมา ทนายความก็ยอมรับว่า นายสามารถยอมว่าเล่นพนันจริง เป็นพนันเรื่องกีฬาทั่วไป

ที่น่าหนักใจเพิ่มขึ้น คือมีหลายเรื่องที่ถูกระบุ หรือเชื่อมโยงมาถึงนายสามารถ แบบต่อเนื่อง ล่าสุด เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. มีถูกคนร้องเรียนกับดีเอสไอว่า ถูกเรียกตบทรัพย์จากบริษัทขายปุ๋ย เดือนละ 30,000 บาท

ซึ่งหากเป็นจริงย่อมสะท้อนถึงขั้นยืนยันข้อสมมุติฐานว่า มีการเรียกรับผลประโยชน์จากบริษัทหรือ กลุ่มธุรกิจต่าง ๆ จริง ไม่เพียงเฉพาะดิไอคอน กรุ๊ป เงินก้อนนี้ ทนายความอ้างคำพูดของนายสามารถว่า เป็นค่าจ้างของการเป็นที่ปรึกษา แต่ไม่รู้เป็นที่ปรึกษาเรื่องอะไร และเหตุใดจึงมีการต่อรองจาก 50,000 บาท เหลือ 30,000 บาท

ไล่เลี่ยกับเรื่องถูกระบุว่า พบเส้นเงินของ “หวานใจ” ระดับอดีตรองนายกฯ มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มนายสามารถ แม้จะมีการแจกแจงจากบริษัท ที่ทำธุรกิจให้กู้เงิน ยืนยันเป็นการโอนเงินชำระคืนหุ้นกู้ ที่ครบกำหนดชำระการไถ่ถอน

และยังมีกรณีรีสอร์ตหรูที่ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี มีนายทุนใหญ่สวมสิทธิที่ดิน ส.ป.ก.โดยมิชอบ ประกอบกับล่าสุด พล.ต.ต.จรูญเกียรติ พูดถึงเส้นเงินที่เกี่ยวโยงกับ “หวานใจ” บิ๊กการเมือง มีมากถึง 900 ล้านบาท จนถูกเชื่อมโยงถึงระดับบิ๊กข้าราชการในจังหวัด ให้การช่วยเหลือ ซึ่งหากเป็นจริงดังว่า เท่ากับสะท้อนคอนเน็คชั่นที่ไม่ธรรมดาของนายสามารถ

กรณีนี้ ทนายความอ้างคำพูดของนายสามารถว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือมีเส้นเงินที่เกี่ยวโยงกับ “หวานใจ” คนดัง

ยังมีประเด็นเรื่องรถยนต์อัลพาร์ดสีดำ ที่ถูกดีเอสไอตรวจยึดไว้ เมื่อครั้งเข้าตรวจค้นบ้านพัก และพบว่า ไม่ใช่รถของนายสามารถ แต่มีความพยายามชี้แจงว่า นายสามารถยืมมาใช้จากบริษัทแห่งหนึ่ง

ซึ่งต้องมีการพิสูจน์ว่า เป็นลักษณะการยืมใช้แบบเอื้อประโยชน์หรือมีผลประโยชน์ตอบแทนใด ๆ ต่อกันหรือไม่ เพราะเรื่องนี้ อาจคล้ายกับกรณีอดีตปลัดกระทรวงคมนาคมคนดังคนหนึ่ง ที่เคยถูกโจรปริศนาปล้นเอาสดที่เก็บไว้ในบ้าน พร้อมทั้งรถโฟล์คตู้ 1 คัน เมื่อปี 2554 และต่อมาพบว่า เป็นลักษณะการยกให้ใช้ระยะยาว จนมีข้อสงสัยว่า มีเรื่องผลประโยชน์หรือต่างตอบแทนกัน หรือได้รับประโยชน์มูลค่าเกิน 3 พันบาทหรือไม่

เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ควรต้องขยายผล หรือตรวจพิสูจน์ทราบ ซึ่งอาจจะกลายเป็นคดี หรือข้อกล่าวหาเพิ่มสำหรับนายสามารถ ที่ต้องต่อสู้ข้อกล่าวหาตามกระบวนการยุติธรรม ซึ่งอาจไม่ใช่ง่าย เพราะแม้ ว่าที่ ร.ต.นฤพล ทนายความ ยังเห็นว่า หากมีคดีใหม่เพิ่มมากขึ้น หากจะให้ตนเป็นทนายความในคดื่นๆด้วย ก็อาจจะต้องมีทีมทนายเพิ่มเติม

จึงเป็นเสมือนทุกขลาภ สำหรับนายสามารถ ซึ่งในก่อนหน้านี้ อาจมีความสามารถสมชื่อในหากหลายด้าน จนขยับขึ้นมายืนอยูในระดับแถวหน้า หากเปรียบเทียบกับนักการเมืองคนอื่น ๆ ที่ไม่ได้เป็นแม้แต่ สส.ด้วยกัน แต่ตอนนี้ ยุทธวิธีต่าง ๆ ที่นำมาใช้ ทั้งขู่จะฟ้องสื่อ อดข้าวประท้วง หรือแม้แต่อ้างว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรม ดูจะไม่ยังไม่ได้ผลสักเท่าไหร่

จนแทบจะสิ้นสภาพ ความเป็นคน “สามารถ” ไปแล้ว

วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา บรรณาธิการอาวุโส

อ่านข่าว :