วันนี้ (7 ธ.ค.2567) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อเวลา 11.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ปธน.ยุน ซอก-ยอล ของเกาหลีใต้ได้กล่าวขอโทษต่อประชาชนอย่างเป็นทางการในครั้งแรก หลังความพยายามประกาศกฎอัยการศึกที่นำไปสู่ความวุ่นวายทางการเมือง และเสียงเรียกร้องให้มีการถอดถอนเขาออกจากตำแหน่ง
การประกาศกฎอัยการศึกในครั้งนี้เกิดจากความสิ้นหวังในฐานะผู้รับผิดชอบสูงสุดต่อกิจการของรัฐ ผมเสียใจอย่างสุดซึ้งและขออภัยจากใจจริงต่อประชาชนที่ต้องรู้สึกตกใจอย่างมาก ที่ก่อให้เกิดความกังวลและความไม่สะดวก
ยุนกล่าวในคำแถลงผ่านสถานีโทรทัศน์ที่ใช้เวลาเพียง 2 นาที พร้อมระบุว่า เขาจะไม่หลีกเลี่ยงความรับผิดชอบทั้งทางกฎหมายและทางการเมืองที่เกี่ยวข้องกับการประกาศกฎอัยการศึกในครั้งนี้ และปฏิเสธข่าวลือว่ากฎอัยการศึกจะถูกนำมาใช้ซ้ำอีก ยืนยันว่าจะแนะนำให้พรรคของเขาหาทางแก้ไขปัญหาทางการเมือง รวมถึงการจัดการช่วงเวลาที่เหลือของวาระการดำรงตำแหน่ง
จะไม่มีการพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือประกาศกฎอัยการศึกครั้งที่ 2 อย่างแน่นอน
ก่อนจบคำแถลง ยุนกล่าวขอโทษต่อประชาชนสำหรับความกังวลที่ได้ก่อขึ้นอีกครั้ง จากนั้นประธานาธิบดีก็ก้าวลงจากโพเดียมและโค้งคำนับ
ย้อนรอยปมประกาศกฎอัยการศึก
เหตุการณ์เริ่มขึ้นในคืนวันอังคารที่ผ่านมา (3 ธ.ค.) เมื่อยุนประกาศกฎอัยการศึกผ่านการถ่ายทอดสดโดยไม่แจ้งล่วงหน้า โดยเขาอ้างว่าพรรคฝ่ายค้านหลักอย่างพรรคประชาธิปไตย (Democratic Party) มีพฤติกรรม "สนับสนุนเกาหลีเหนือ" และ "กระทำการที่เป็นภัยต่อรัฐ" ยุนยังวิจารณ์การเคลื่อนไหวของพรรคประชาธิปไตยที่เสนอญัตติถอดถอนอัยการระดับสูงและปฏิเสธข้อเสนองบประมาณของรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม ภายในเวลาเพียง 6 ชั่วโมง กฎอัยการศึกดังกล่าวถูกยกเลิกหลังจากสมาชิกสภานิติบัญญัติจากพรรคฝ่ายค้านฝ่าแนวกั้นของทหารเพื่อเข้าสู่รัฐสภาและลงมติเป็นเอกฉันท์ให้ยุติการประกาศฉุกเฉิน
แม้กฎอัยการศึกครั้งนี้จะมีระยะเวลาเพียงสั้น ๆ แต่ก็สร้างความตกตะลึงและความโกรธแค้นให้กับประชาชนชาวเกาหลีใต้ ซึ่งยังคงมีความทรงจำอันเจ็บปวดจากความรุนแรงในช่วงที่กฎอัยการศึกถูกบังคับใช้ภายใต้รัฐบาลเผด็จการทหารในอดีต ก่อนที่ประเทศจะต่อสู้จนได้มาซึ่งประชาธิปไตยในทศวรรษ 1980
แรงกดดันต่อยุนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายวันที่ผ่านมา โดยมีทั้งผู้ประท้วงและผู้นำฝ่ายค้านเรียกร้องให้ถอดถอนเขาออกจากตำแหน่ง ขณะเดียวกัน คะแนนนิยมในตัวเขาก็ลดลงอย่างรวดเร็ว แม้แต่ในพรรคของเขาเองและในแวดวงกองทัพ
การหักมุมจากพันธมิตรทางการเมือง
ในจุดหักเหที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ 6 ธ.ค.ที่ผ่านมา ผู้นำพรรครัฐบาลของยุนเองออกมาเรียกร้องให้ประธานาธิบดียุติการปฏิบัติหน้าที่ทันที โดยให้เหตุผลว่าประเทศกำลังตกอยู่ใน "อันตรายอย่างร้ายแรง" หากยุนยังคงดำรงตำแหน่งต่อไป
ยุน ซอก-ยอล กำลังเผชิญกับความไม่พอใจจากประชาชนและแรงกดดันทางการเมืองที่เพิ่มสูงขึ้น ขณะที่การลงมติถอดถอนเขาออกจากตำแหน่งในรัฐสภาจะเกิดขึ้นในสุดสัปดาห์นี้ อนาคตของประธานาธิบดีเกาหลีใต้รายนี้ยังคงเป็นคำถามใหญ่ และอาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของการเมืองเกาหลีใต้ในอนาคตอันใกล้
คะแนนนิยมดิ่งเหว
หลังการประกาศกฎอัยการศึกของ ปธน.ยุน ซอก-ยอล เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.ที่ผ่านมา เว็บไซต์ Statista รายงานคะแนนนิยมของยุนลดลงเหลือเพียงร้อยละ 19 ตามผลสำรวจของ Gallup Korea ที่จัดทำระหว่างวันที่ 26-28 พ.ย. จากผู้ตอบแบบสอบถาม 1,001 คน พบว่ามีถึงร้อยละ 72 ที่ไม่เห็นด้วยกับการทำงานของเขา
เมื่อต้นเดือน พ.ย. ที่ผ่านมา คะแนนนิยมของยุนเคยลดลงต่ำกว่านี้ที่ระดับร้อยละ 17 ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เขาได้รับการเลือกตั้งเข้ารับตำแหน่งในเดือน พ.ค.2565 ด้วยคะแนนชนะอย่างเฉียดฉิว
ตามรายงานของ The Korean Times สาเหตุที่ทำให้คะแนนนิยมของยุนตกต่ำ มาจากการจัดการด้านเศรษฐกิจ นโยบายการทูต และข้อกล่าวหาที่ภริยาของเขา คิม กอน-ฮี รับกระเป๋าหรูแบรนด์ดังอย่างไม่เหมาะสม ซึ่งเป็นหนึ่งในประเด็นที่ถูกพูดถึงมากที่สุดก่อนเหตุการณ์กฎอัยการศึก
อีกหนึ่งสถิติที่น่าสนใจคือ คะแนนนิยมของผู้นำพรรคฝ่ายค้าน ซึ่งสะท้อนปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองที่ยืดเยื้อในเกาหลีใต้ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ความขัดแย้งระหว่างยุนและผู้นำพรรคประชาธิปไตย อี แจ-มยอง ถูกมองว่าเป็นการเล่นเกมการเมืองที่ไม่มีที่สิ้นสุด ตั้งแต่การหาเสียงเลือกตั้งครั้งล่าสุด
การเผชิญหน้าครั้งนี้อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของการเมืองเกาหลีใต้ในอนาคตอันใกล้ ขณะที่ประเทศยังคงจับตาดูผลการถอดถอนประธานาธิบดีในครั้งนี้อย่างใกล้ชิด
อ่านข่าวเพิ่ม :
ลุ้นทรัมป์สั่งไม่แบน TikTok หลังศาลอุทธรณ์สั่งระงับ-ขายให้สหรัฐฯ
ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ? กฎอัยการศึกฉีกหน้าประชาธิปไตยเกาหลีใต้