วันนี้ (23 ธ.ค.2567) นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการ ค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยการสำรวจ 10 ธุรกิจเด่น-ร่วงในปี 2568 ว่า เศรษฐกิจไทยมีสัญญาณการฟื้นตัว หลังจากปี 2567 พบว่ามีการฟื้นตัว 2.6-3.2%
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
และยังมีการมองว่า เศรษฐกิจยังมีสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีในช่วงไตรมาส 1 และ 2 จากการติดตามสถานการณ์สงครามการค้าจะมีความรุนแรงในช่วงไตรมาส 1 มากน้อยแค่ไหน ซึ่งมีผลต่อเนื่องยังไตรมาส 2 ของปี
นอกจากนี้ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะมีผลต่อเศรษฐกิจ เพราะที่ผ่านมารัฐเริ่มอัดฉีดเม็ดเงินในปลายปี เช่น 1,000 บาทให้ชาวนาไม่เกิน 10 ไร่ต่อครัวเรือน ประมาณ 30,000 ล้านบาท
และมาตรการ Easy E-Receip ที่กำลังจะออกมาในช่วงกลางเดือนม.ค.-กลางเดือนก.พ.ประมาณ 30,000-35,000 ล้านบาท มาตรการคุณสู้ เราช่วย โดยการพักดอกเบี้ย 3 ปี และการจ่ายเงินต้นลดน้อยลง 3 ปี น่าจะเริ่มไตรมาส 1 จะประหยัดดอกเบี้ย 20,000-25,000 ล้านบาท ที่จะเกิดเม็ดเงินเข้ามาในระบบเศรษฐกิจ
ด้านนายวิชร คูณทวีเทพ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายยุทธศาสตร์ และผ.อ.สถาบันยุทธ ศาสตร์การค้า มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ปัจจัยสนับสนุน 10 ธุรกิจ ดาวรุ่ง-ดาวร่วง เช่น ภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัวต่อเนื่อง ได้แรงหนุนจากฟรีวีซ่า
นายวิชร คูณทวีเทพ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายยุทธศาสตร์ และผู้อำนวยการสถาบันยุทธศาสตร์การค้า มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
นายวิชร คูณทวีเทพ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายยุทธศาสตร์ และผู้อำนวยการสถาบันยุทธศาสตร์การค้า มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
โดยภาครัฐได้เตรียมเปิดแคมเปญกระตุ้นการท่องเที่ยว Amazing Thailand Grand Tourism Year 2025 การเข้ามาลงทุนของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของโลก เช่น Amazon, Google, Microsoft และ Nvidia โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมดาต้าเซ็นเตอร์ อุตสาหกรรมเทคโนโลยีคลาวด์ พร้อมกับการวางโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของไทย
สำหรับ 10 ธุรกิจดาวรุ่ง ปี 2568 ประกอบด้วย 1.ธุรกิจการแพทย์และความงามธุรกิจ Cloud Service และธุรกิจบริการ Cyber Security. Social Media และ Online Entertainment ธุรกิจจัดทำคอนเทนต์ ธุรกิจ YouTube การรีวิวสินค้า และ Influencer
2.ธุรกิจ e-Commerce (ธุรกิจที่ทำการซื้อขายผ่านอิเล็กทรอนิกส์) ธุรกิจ Soft Power ไทยโดยเฉพาะซีรี่ย์ภาพยนตร์ ธุรกิจโฆษณา และสื่อออนไลน์
3.งานคอนเสิร์ต มหกรรมจัดแสดงสินค้า ธุรกิจ Event เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
4.ธุรกิจความเชื่อ (สายมู หมอดู ฮวงจุ้ย) ธุรกิจเงินด่วน โรงรับจำนำ ธุรกิจประกันภัยชีวิต
5.ธุรกิจการให้บริการผ่านแพลตฟอร์ม เช่น แม่บ้านรายวัน การซ่อมแซมอุปกรณ์ เป็นต้น ผับ บาร์ คาราโอเกะ
6.คลินิกการภาพ ธุรกิจให้บริการสถานีชาร์จรถไฟฟ้า (ธุรกิจ EV Charging Station) และติดตั้ง ธุรกิจรถยนต์ EV 7.ธุรกิจสัตว์เลี้ยง ขายอาหาร อุปกรณ์และแฟชั่น และดูแลสัตว์
8.ธุรกิจด้านการเงิน ธนาคาร Fintech และการชำระเงินผ่านระบบเทคโนโลยี ธุรกิจตู้ยอดเหรียญเครื่องดื่ม อาหาร และธุรกิจเครื่องสะดวกซัก ธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม ทัวร์ และธุรกิจเกี่ยวเนื่อง
9.ธุรกิจโทรคมนาคมสื่อสาร เช่น ผู้ให้บริการอินเmอร์เน็ต หรือสัญญาณสื่อสารต่าง ๆ ธุรกิจโลจิสติกส์ Delivery และคลังสินค้า ทนายความ และตรวจสอบบัญชี Street Food และตลาดนัดกลางคืน
และ10. ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (ที่ไม่มีแอลกอฮอล์) ธุรกิจพลังงานทดแทน เช่น โซลาร์เซลล์ โรงพยาบาล คลิกนิก เกี่ยวกับสัตว์
ในขณะที่ 10 ธุรกิจดาวร่วง ปี 2568 พบว่า ธุรกิจจำหน่ายและให้เช่า CD หรือ VDO ยังคงครองแชมป์เป็นธุรกิจดาวร่วง รองลงมาเป็นธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ที่ไม่มี Platform Online และธุรกิจคนกลางผลิตและจำหน่ายที่เก็บข้อมูล เช่น CD DVD Thumb Drive การ์ดอื่น ๆ บริการส่งหนังสือพิมพ์ ธุรกิจผลิตสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มธุรกิจถ่ายเอกสารธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ไม้แบบดั้งเดิม ไม่มีการออกแบบดีไซน์ ธุรกิจรถยนต์มือ 2 ร้านขายเครื่องเล่น และธุรกิจผลิตกระดาษ ธุรกิจร้านโชห่วย
นายธนวรรธน์ กล่าวอีกว่า หลังจากนี้ต้องติดตามว่า นับจากเดือนเม.ย. 2568 เป็นต้นไปการเมืองในประเทศจะนิ่งหรือไม่ หากการเมืองไม่นิ่งจะมีผลกระทบต่อการพิจารณางบประมาณในปี 2569 อย่างไรก็ตาม หากมีการเปลี่ยนแปลงทาง การเมืองก็อาจเกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอย เช่น การยุบสภา หรือการเบิกจ่ายงบประมาณแผ่นดินที่อาจต้องลากยาวไปใช้ได้จริงปลายปี 2568
จุดนี้สำคัญต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจทั้งประเทศ และจะมีโอกาสขยายตัวมากกว่า 3% ได้หรือไม่ นอกจากนี้ยังมี 3 ประเด็นสำคัญ เช่น การท่องเที่ยว การส่งออก การใช้จ่ายภาครัฐจะดี จะทำให้เกิดเทรนขาขึ้นที่มีผลกระทบต่อธุรกิจที่จะเกิดขึ้นในปี 2568 ที่จะทำให้ธุรกิจไปต่อ
ส่วนมาตรการจ่ายเงินจำนวน 10,000 บาทให้ผู้สูงอายุ ซึ่งจะใช้งบประมาณ 40,000 ล้านบาท รวมทั้งหมดจากมาตรการต่าง ๆ รวมประมาณ 100,000 ล้านบาท ที่จะถูกกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 1
และส่งสัญญาณไปยังไตรมาสที่ 2 จะมีผลต่อระบบเศรษฐกิจไทย โดยเริ่มมีสัญญาณกระจายตัวทั่วประเทศ แต่ยังมีจุดเปลี่ยนสำคัญที่จะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ที่เริ่มมีความกังวลในประเด็นการเมืองในประเทศ แม้จะจับต้องไม่ได้แต่มีผลต่อบรรยากาศในประเทศ
อ่านข่าว:
SME หนีตายแข่งขันค้าโลก ใช้ FTA ลดเสี่ยงภาษีสูง "ทรัมป์ 2.0 "
อินเตอร์ สู่ รากหญ้า พิสูจน์ฝีมือ “อธิบดีป้ายแดง” กรมค้าภายใน
ส่งออกโต 5% สูงสุดเป็นประวัติการณ์ พาณิชย์ เคาะเป้าปี68 ขยายตัว 2-3%