วันนี้ (24 ธ.ค.2567) นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบมาตรการ Easy e-Receipt 2.0 ซึ่งเป็นการใช้จ่ายซื้อสินค้าและบริการเพื่อนำไปหักลดหย่อนภาษี โดยปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์เล็กน้อย แบ่งเป็นส่วนแรก 30,000 บาท เป็นใช้จ่ายในร้านค้าทั่วไป ส่วนที่สอง 20,000 บาท ใช้กับวิสาหกิจชุมชน ร้านโอทอป โดยมีกำหนดระยะเวลาโครงการตั้งแต่ 16 ม.ค.-28 ก.พ.2568 โดยสามารถนำใบกำกับภาษีดังกล่าวไปลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในปีภาษี 2568
สินค้าที่ไม่สามารถเข้าร่วมรายการได้ ได้แก่ สุรา เบียร์ ไวน์ ยาสูบ น้ำมัน ก๊าซ ค่าบริการชาร์จไฟรถ ค่าซื้อรถยนต์ จักรยานยนต์ ค่าประปา ไฟฟ้า ค่าสัญญาณโทรศัพท์มือถือ อินเตอร์เน็ต เบี้ยประกัน ค่าบริการนำเที่ยว ค่าที่พักโรงแรม-โฮมสเตย์ ซึ่งในครั้งนี้มีการเปลี่ยนแปลง คือ ไม่รวมกลุ่มท่องเที่ยวไว้ด้วย โดยจะหารือรายละเอียดกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาว่าจะออกเป็นมาตรการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดการกระตุ้นในช่วงเวลาที่เหมาะสมต่อไป
สำหรับของขวัญปีใหม่ของกระทรวงการคลัง มี 3 เรื่อง คือ ส่วนลดการเสียภาษีในโครงการ Easy e-Receipt, การเติมเม็ดเงินให้ชาวนา ไร่ละ 1,000 บาท และเงิน 10,000 บาทให้ผู้สูงอายุ โดยประชาชนทั่วประเทศจะได้ประโยชน์ คือ การกระตุ้นเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น ซึ่งปลายไตรมาส 3 ปีนี้ ตั้งแต่เดือน ก.ย.ได้เติมเงินให้กลุ่มเปราะบาง 145,000 ล้านบาท
ช่วงเดือน ธ.ค. ม.ค. ก.พ. จะมีเม็ดเงินจาก 3 โครงการ คือ ช่วยชาวนา 35,000 ล้านบาท, แจกเงินผู้สูงอายุอีก 40,000 ล้านบาท และ Easy e-Receipt คาดว่าจะสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 70,000 ล้านบาท รวมทั้งหมด 1.4-1.5 แสนล้านบาท ที่จะหมุนเวียนกระตุ้นเศรษฐกิจในรอบสอง
รมช.คลัง ระบุว่า รัฐบาลพยายามรักษาโมเมนตัมทางเศรษฐกิจ โดยส่งผ่านเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจตั้งแต่ปลายปี 67 จนถึงต้นปี 68 จากนั้นตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ปี 2567 โครงการดิจิทัลวอลเล็ตในเฟส 2 ก็คาดว่าจะมีความพร้อม และทำให้มีเม็ดเงินอีกกว่าแสนล้านบาทเติมเข้าสู่ระบบในช่วงดังกล่าว
เราเชื่อมั่นว่าจะสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจได้สูงกว่าที่หลายคนคาด หวังตัวเลข 3% เป็นอย่างน้อย จะทำให้รับรู้ได้ถึงเศรษฐกิจที่ดีขึ้น เป็นความหวังให้ประชาชนในปี 68
อ่านข่าว : มติ ครม.แจกเงิน 10,000 บาทเฟส 2 ผู้สูงอายุ 60 ปี ม.ค.2568
ครม.เคาะแต่งตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด-ผู้ตรวจกระทรวง 33 ตำแหน่ง