วันนี้ (26 ธ.ค.2567) สมาคมผู้สื่อข่าวและช่างภาพอาชญากรรมแห่งประเทศไทย พร้อมตัวแทนสื่อมวลชน ร่วมแถลงการณ์ตั้งฉายาตำรวจ ประจำปี 2567 โดยนายไพโรจน์ เทศนิยม นายกสมาคมฯ กล่าวว่า ตลอดปีที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวสายงานด้านอาชญากรรมทำงานใกล้ชิดและเฝ้าติดตามการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมนำเสนอผลงานแก่ประชาชนเพื่อสะท้อนการทำงานของตำรวจ
ทุกปีได้ร่วมกันตั้งฉายาตำรวจ ซึ่งถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ โดยปราศจากอคติส่วนตัว ส่วนเกณฑ์ในการตั้งฉายามีการประชุมร่วมกันกับตัวแทนสื่อมวลชนจากสังกัดต่าง ๆ เสนอรายชื่อนายตำรวจเข้ามาและคัดเลือกในปี 2567 เหลือเพียง 10 นาย ดังนี้
ผบ.ตร. “พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ” ฉายา “กัปตันเรือกู้”
การก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำองค์กรของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ นวันที่ประชาชนสิ้นหวังกับตำรวจ ต้องเผชิญกับมรสุมวิกฤตศรัทธาต่อประชาชน ถือว่าเป็นงานสำคัญไม่ว่าจะเป็นเรื่องความขัดแย้งในวงการสีกากี, 7 ตำรวจรุมทำร้ายประชาชน, จ.ส.ต.เมากร่าง ยิงปืนขู่หน้าผับทองหล่อ และอีกหลายเรื่องที่จะต้องกอบกู้ความศรัทธา ความเชื่อมั่น ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนกลับคืนมา
จึงมอบนโยบายให้แก่ตำรวจ 15 ข้อ ภายใต้วิสัยทัศน์ “เป็นตำรวจมืออาชีพ ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต โปร่งใส เพื่อให้เกิดความผาสุกแก่ประชาชน และที่สำคัญ ผู้บัญชาการถึงผู้บังคับการจะต้องเป็นอินฟลูเอนเซอร์ด้วยตนเอง ให้เป็นที่พึ่งของประชาชนอย่างแท้จริง จึงเป็นที่มาของฉายา “กัปตันเรือกู้”
“พล.ต.ท.อัคราเดช” ฉายา “สุมาอ้อ ยอดกุนซือ”
พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. ถือว่าเป็นนายตำรวจฝีมือดีอีกนายหนึ่งที่ทำงานเชิงรุกเก่งทั้งบู๊และบุ๋น ด้วยความสามารถบวกกับการทำงานเชิงรุก ยอมหักไม่ยอมงอ ทำให้ได้รับความไว้วางใจจากผู้บังคับบัญชาให้คุมหน้างานภารกิจสางคดีสำคัญ มอบหมายให้เป็นหัวหน้าชุดทำคดี บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ก่อนรวมรวบพยานหลักฐานเปิดปฏิบัติการ หนุมานถล่มกรุง ‘ดิไอคอน’ เปิดฉากล่า 18 บอสดิไอคอน ได้ภายในวันเดียวจบ
ล่าสุด คดียิง สจ.โต้ง เปิดยุทธการทลายรังนักเลงปิดล้อมปราจีนบุรี ล็อกเป้าลุยค้น 3 วัน 59 เป้าหมาย ยึดอาวุธเพียบ เปรียบเสมือน “สุมาอี้” จากเรื่องสามก๊กที่วางแผนกลยุทธ์ให้ขุนผลเผด็จศึก สื่อมวลชนจึงมอบฉายา “สุมาอ้อ ยอดกุนซือ ”
“พล.ต.ท.สำราญ” ฉายา “มือปราบหน้านิ่ง”
พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ด้วยบุคลิกที่สุขุมนุ่มลึก โดยเฉพาะใบหน้าที่ไม่มีการยิ้มให้เห็น หรือน้อยคนนักที่จะเห็นรอยยิ้ม แต่เป็นนายตำรวจหนุ่มที่มีไฟแรง มากฝีมือ ได้รับมอบหมายงานด้านปราบปราม โดยเฉพาะยาเสพติด-เด็กแว๊น-น้ำมันเถื่อน ในรอบปีที่ผ่านมาจับกุมยาบ้ากว่า 1,000 ล้านเม็ด เฮโรอีนกว่า 1,000 กก. ยาไอซ์กว่า 20,000 กก. เด็กแว๊น 40,933 คน และยึดอายัดทรัพย์สินความผิดที่เกี่ยวกับยาเสพติดรวมกันไม่น้อยกว่าหมื่นล้านบาท ถึงแม้จะมีการแถลงข่าวก็ไม่เคยยิ้มจึงเป็นที่มาของฉายา “มือปราบหน้านิ่ง”
“พล.ต.ท.สยาม” ฉายา “สยาม เนรมิต”
พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. ถือเป็น “ม้ามืด” ในการแต่งตั้งนายพลใหญ่ที่ผ่านมา ชนิดที่เรียกว่าพลิกโผ ล้มกระดานเซียน เรียกได้ว่าดุจดัง “เนรมิต” มาเลยก็ว่าได้ เนื่องจากกรุงเทพฯ มีคดีอาชญากรรมค่อนข้างสูง ผู้ใหญ่หลายท่านจึงอยากให้มาคุมเมืองหลวงเพื่อที่จะให้คดีอาชญากรรมลดลง
แต่เมื่อส่องดูประวัติ พบว่า “บิ๊กหยาม” ถือเป็นนายตำรวจที่มีความรู้ความสามารถ ผ่านการทำงานมากมาย อีกทั้งเคยเป็นผู้บังคับการคนแรกของกองบังคับการตำรวจมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ 904 เคยดำรงตำแหน่งเป็นผู้บังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ และสมัยที่ดำรงตำแหน่งรอง ผบช.น. ก็ได้รับมอบหมายหน้างานสำคัญด้านกิจการพิเศษ ซึ่งไม่ขาดตกบกพร่อง จึงไม่แปลกที่จะได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่ง ผบช.น. จึงได้รับฉายา “สยาม เนรมิต”
“พล.ต.ท.ไตรรงค์” ฉายา “ไซเบอร์อรรถ จัดเต็ม”
พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. มีชื่อเล่นว่า“อรรถ” หลังเข้ามารับตำแหน่ง “แม่ทัพไซเบอร์” ได้มอบนโยบายแก่กำลังพล ชูวิสัยทัศน์ต้องเป็นที่พึ่งของประชาชน-ลดภัยออนไลน์ ขณะเดียวกันได้งัดคำสั่ง ตร.คุมพฤติกรรมลงดาบฟันวินัย-อาญา “ตร.นักบิน” ที่มีพฤติกรรมนอกลู่นอกทางแอบตีกินจับนอกเขตจนเสียชื่อหน่วย
พร้อมขันนอตขุนพลไซเบอร์ต้องมีผลการปฏิบัติทุกวัน ลั่นมีเวลาแค่ 10 เดือนคุมทัพ ตั้งเป้า “3 แสน” คดีออนไลน์ที่ค้างต้องเคลียร์ให้จบ ทำให้ระยะเวลาไม่ถึงเดือนเดินหน้าปราบปรามอาชญากรรมทางออนไลน์ ชนิดที่ว่ามีงานให้ออกแทบทุกวัน โดยแต่ละคดีจัดหนักจัดเต็ม จึงได้ฉายา “ไซเบอร์อรรถ จัดเต็ม”
“พล.ต.ต.นพศิลป์” ฉายา “นพ รอได้”
พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. นายตำรวจผู้มากด้วยฝีไม้ลายมือขึ้นชื่อเรื่องงานสืบสวนระดับบรมอาจารย์ บ่อยครั้งมักจะถูกดึงตัวมาอยู่ในชุดทีมคลี่คลายคดีสำคัญของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หลายยุคหลายสมัย และด้วยผลงานที่ประจักษ์ต่อสังคมและสายตาประชาชน ทำให้ถูกจับตาจากสื่อมวลชนสายตำรวจว่าในการแต่งตั้งวาระนายพลใหญ่ “รองนพศิลป์” มีสิทธิ์ที่จะถูกเสนอชื่อขึ้นเป็น ผู้บัญชาการ ติดยศ “พล.ต.ท.”
แต่สุดท้ายแม้คุณสมบัติจะครบถ้วน ไม่ได้รับการเสนอชื่อถูกขีดเส้นอาวุโส 4 ปี พูดตามประสาชาวบ้านถูกชักบันไดหนีจนชื่อหลุดกระดาน ทั้งที่ พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติปี 2565 ระบุคุณสมบัติชี้ไว้ชัดเจน ตำแหน่ง ผบช. และจเรตำรวจ จะแต่งตั้งจากข้าราชการตำรวจยศ พล.ต.ต. หรือ พล.ต.ท. เคยดำรงตำแหน่งระดับรอง ผบช. หรือรองจเรตำรวจ มาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปี ขณะที่เจ้าตัวยิ้มรับ “ยอมรับกติกา” ก้มหน้าทำงาน จึงเป็นที่มาของฉายา “นพ รอได้”
“พล.ต.ต.พันธนะ” ฉายา “เม่นรับจบ”
พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. มีชื่อเล่นว่า “เม่น” เป็นนายตำรวจฝีมือดีที่ทำงานเชิงรุกจนได้รับความไว้วางใจดูแลงานสืบสวนของหน่วยงาน ขณะเดียวกันยังได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้เป็น ตัวแทนออกหน้าในการแถลงข่าวเผยแพร่การทำงาน รวมถึงภารกิจต่างๆ ของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เห็นได้จากทุกครั้งที่มีการแถลงข่าวหรือประชาสัมพันธ์งานของ สตม. จะเห็นรองเม่น ปรากฏตัวเป็นหน้าเป็นตาให้หน่วย
ด้วยบุคลิกที่เข้าถึงง่าย วางตัวเป็นกันเอง ทำให้เป็นที่รักของสื่อมวลชน เวลาที่นักข่าวจะสอบถามความคืบหน้าในคดีต่างๆ ที่เกิดขึ้น ก็จะนึกถึงแต่ “รองเม่น” ที่จะเป็นผู้ให้รายละเอียดและชี้แจงต่างๆ ทำหน้าที่เป็นสื่อกลางระหว่างตำรวจ ตม.และสื่อมวลชน เรียกว่าครบถ้วนในคนเดียว จึงได้ฉายา “เม่น รับจบ”
“พล.ต.ต.จรูญเกียรติ” ฉายา “อินฟลูฯ เต่ากัดไม่ปล่อย”
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. หรือ “บิ๊กเต่า” เป็นนายตำรวจที่ไม่เคยเกรงกลัวอิทธิพลหรืออำนาจมืดใดๆ สร้างชื่อให้เป็นที่รู้จักจากการเป็นตำรวจที่ปราบปรามกลุ่มผู้มีอิทธิพล-ข้าราชการฉ้อฉล คดีใดที่อยู่ในมือ “รองเต่า” มักไม่ปล่อยผ่านไปง่ายๆ ทำให้สุดซอย ขยายผลทุกมิติ
ล่าสุดกับกรณี “คลิปเสียงเทวดา” ตบทรัพย์ “ดิไอคอน” ก็ตามล้างตามเช็ดจับกุมบรรดานักร้องเรียน-นักการเมืองที่ทำตัวเหนือกฎหมาย ใช้หน้าที่โดยไม่ชอบขู่กรรโชกทรัพย์ และด้วยภาพลักษณ์สไตล์การทำงานที่ถึงลูกถึงคน กล้าได้กล้าเสีย มุทะลุดุดัน สื่อมวลชนจึงให้ฉายา “อินฟลูฯ เต่ากัดไม่ปล่อย”
“พล.ต.ต.ธีรเดช” ฉายา “กุนซือมือฉมัง”
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. หนึ่งในลูกหม้อนครบาล ด้วยฝีมือระดับตำนานนักสืบ ผ่านการฝึกฝนตำราสืบสวนมาอย่างมากมาย มีผลงานโดดเด่นด้านการสืบสวนเทียบชั้นครู ขณะเดียวกันยังถ่ายทอดประสบการณ์บนเส้นทางนักสืบให้กับนักสืบรุ่นหลัง ผ่านโครงการ “หลักสูตรสืบสวนคดีอาญา” ปลุกปั้นนักสืบรุ่นใหม่ ช่วยงานสืบสวนนครบาล ปราบอาชญากรรม
ในช่วงปีที่ผ่านมาสามารถติดตามจับกุมตามหมาจับได้ 2,753 หมาย และคดีสำคัญที่เกิดขึ้นสดๆ อีก 446 คดี ในการจับกุมผู้ก่อเหตุต่างๆ “ผู้การจ๋อ” จะคอยให้คำแนะนำทีมงานเป็นกุนซือที่คอยวางแผนและไม่เคยพลาด จึงเป็นที่มาของฉายา “กุนซือมือฉมัง”
“พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์” ฉายา “อย่าเล่นกับระบบ แจ๊ะ”
พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สว.กก.สส.3 บก.สส.บช.น. หรือ “สารวัตรแจ๊ะ” นายตำรวจดาวรุ่งตัวตึงของกองบังคับการสืบสวนนครบาล นรต.รุ่น 69 ศิษย์ก้นกุฏิ “ผู้การจ๋อ” ผ่านประสบการณ์ร่วมทำคดีสำคัญๆ มามากมาย ด้วยบุคลิกโดดเด่น สะดุดตา สวมหมวกไหมพรม ใส่แว่นตา ปิดแมสก์ กางเกงยีนส์ทรงกระบอก ขาดๆ ทับด้วยแจ๊กเก็ต บก.สืบนครบาล ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความทะมัดทะแมง อ่านหมายจับอย่างฉะฉาน...แฝงไปด้วยความสุภาพ
อีกทั้งมีคำพูดติดหูประจำตัว “อย่าเล่นกับระบบ” และด้วยคาแร็กเตอร์ที่เด่นชัด ทำให้โด่งดังรันทุกวงการ ถึงขนาดที่ว่าดาวตลกหนุ่ม แจ๊ส ชวนชื่น หยิบเอาวลีฮิตกระฉ่อนโลกออนไลน์ของนายตำรวจหนุ่มมาดเซอร์ไปตั้งชื่อเพลง จึงเป็นที่มาของฉายา “อย่าเล่นกับระบบ แจ๊ะ”
อ่านข่าว
ฉายารัฐบาล 2567 ฉายารัฐบาล : รัฐบาล "พ่อ" เลี้ยง
สื่อสภาตั้งฉายา ปี 67 สส. "เหลี่ยม(จน)ชิน" - "ประวิตร-ธิษะณา" คว้าคู่ "ดาวดับ"