วันนี้ (31 ธ.ค.2567) ทั่วโลกยังให้ความสนใจเหตุเครื่องบินของสายการบิน Jeju Air ลื่นไถลรันเวย์ก่อนพุ่งชนแนวรั้วกั้นของท่าอากาศยานนานาชาติมูอัน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเกาหลีใต้ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 179 คน และรอดชีวิตเพียง 2 คน เมื่อช่วงเช้าวันอาทิตย์ที่ 29 ธ.ค.ที่ผ่านมา
เหตุการณ์ครั้งนี้นับเป็นอุบัติเหตุทางการบินครั้งเลวร้ายที่สุดบนแผ่นดินเกาหลีใต้ และทางการกำลังเร่งดำเนินการสอบสวน ล่าสุดได้มีการเผยแพร่ภาพถ่ายดาวเทียม แสดงให้เห็นพื้นที่มีรอยไหม้ดำและชุดเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติงานอยู่บริเวณที่เกิดเหตุเที่ยวบิน 7C2216 ของสายการบิน Jeju Air
ภาพถ่ายดาวเทียม แสดงให้เห็นพื้นที่มีรอยไหม้ดำ
ภาพถ่ายดาวเทียม แสดงให้เห็นพื้นที่มีรอยไหม้ดำ
ภาพถ่ายดาวเทียม แสดงให้เห็นพื้นที่มีรอยไหม้ดำและชุดเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติงานอยู่บริเวณที่เกิดเหตุเที่ยวบิน 7C2216 ของสายการบิน Jeju Air
ภาพถ่ายดาวเทียม แสดงให้เห็นพื้นที่มีรอยไหม้ดำและชุดเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติงานอยู่บริเวณที่เกิดเหตุเที่ยวบิน 7C2216 ของสายการบิน Jeju Air
ขณะที่การเร่งเก็บกู้ร่างผู้เสียชีวิตของเจ้าหน้าที่ดำเนินไปท่ามกลางความไม่พอใจและความเศร้าโศกของญาติผู้เสียชีวิต ซึ่งปักหลักกันที่สนามบินมูอันนับร้อยคน พวกเขาไม่พอใจที่ยังไม่ได้เห็นร่างของคนที่พวกเขารัก ซึ่งเสียชีวิตจากอุบัติเหตุการณ์ดังกล่าว
อ่านข่าว : เร่งกู้ข้อมูล "กล่องดำ" เครื่องบิน Jeju Air ไถลรันเวย์ ยอดเสียชีวิต 179 คน
ญาติไม่พอใจทางการกู้ร่างผู้เสียชีวิต "เชจู แอร์" ล่าช้า
ด้านผู้บัญชาการตำรวจที่ดูแลพื้นที่เกิดเหตุ ชี้แจงว่า ความล่าช้าเกิดจากเจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลาในการระบุตัวตนผู้เสียชีวิตทั้ง 179 คน อย่างระมัดระวัง เนื่องจากร่างได้รับความเสียหายอย่างหนักจากอุบัติเหตุ ขณะที่ญาติผู้เสียชีวิตบางส่วนกดดันเจ้าหน้าที่ให้รวบรวมชิ้นส่วนร่างกายของผู้เสียชีวิตให้ครบ บางส่วนขอให้ส่งคืนร่างผู้เสียชีวิตตามสภาพที่เป็นอยู่ แต่เจ้าหน้าที่ ระบุว่า ต้องการรวบรวมแต่ละร่างให้สมบูรณ์มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
นายชเว ซัง มก ประธานาธิบดีรักษาการของเกาหลีใต้ ขอให้คณะผู้สืบสวนเปิดเผยผลการสืบสวนแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตโดยเร็ว และสั่งให้มีการตรวจสอบความปลอดภัยฉุกเฉินในการดำเนินงานของสายการบินทั้งหมดในประเทศ
อ่านข่าว : พิสูจน์อัตลักษณ์ 141 คนจาก 179 ชีวิตบนเครื่องบิน Jeju Air
เจ้าหน้าที่กระทรวงคมนาคมเกาหลีใต้ เปิดเผยเมื่อวานนี้ (30 ธ.ค.) ว่า รัฐบาลเกาหลีใต้เริ่มการตรวจสอบเครื่องบินโบอิง 737-800 ที่มีใช้งานในเกาหลีใต้ทั้งหมด 101 ลำ เป็นกรณีพิเศษ เครื่องบินรุ่นดังกล่าวเป็นรุ่นเดียวกับที่เกิดเหตุ รวมทั้งจะตรวจสอบอย่างละเอียดว่าสายการบินปฏิบัติตามกฎระเบียบต่าง ๆ ของเครื่องบินรุ่นดังกล่าวอย่างถูกต้องและเหมาะสมหรือไม่ ซึ่งจะรวมถึงการตรวจสอบอัตราการใช้เครื่องบิน การตรวจสอบเครื่องบินและประวัติการบำรุงรักษา โดยการสอบสวนครั้งนี้จะมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจากสหรัฐฯ เข้าร่วมด้วย
โดยทางกระทรวงคมนาคมจะดำเนินการตรวจสอบความปลอดภัยของสายการบิน Jeju Air อย่างเข้มงวด หลังเกิดปัญหาเกี่ยวกับระบบฐานล้อหลายครั้ง ภายหลังจากเมื่อช่วงเช้าวันนี้เครื่องบินสายการบิน Jeju Air เที่ยวบิน 7C101 ที่ออกเดินทางจากสนามบินนานาชาติคิมโพไปยังเชจู ต้องบินกลับมาลงจอดที่สนามบินต้นทางหลังจากขึ้นบินไม่นาน เนื่องจากตรวจพบปัญหาที่ระบบฐานล้อแบบเดียวกับเครื่องบินลำที่เกิดเหตุเมื่อวันอาทิตย์
เครื่องบินโบอิง 737-800 ถูกใช้งานอย่างแพร่หลายในสายการบินราคาประหยัดในเกาหลีใต้ โดยสายการบิน Jeju Air เป็นผู้ให้บริการเครื่องบินรุ่นนี้มากที่สุด โดยมีให้บริการมากถึง 39 ลำ จากฝูงบินทั้งหมด 41 ลำ นอกจากนี้ยังมีให้บริการในสายการบินอื่น ๆ ทั้งสายการบินทีเวย์ แอร์ 27 ลำ สายการบินจิน แอร์ 19 ลำ และสายการบินอีสตาร์ เจ็ท 10 ลำ
ผู้เชี่ยวชาญตั้งคำถาม "กำแพงคอนกรีต" ปลายรันเวย์สนามบิน
จอห์น ค็อกซ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการบิน และ CEO จากบริษัท Safety Operating Systems ระบุว่า เขายังไม่เห็นว่าปัญหาเกิดจากตัวเครื่องบิน แต่น่าจะมีปัจจัยอื่น "เครื่องบิน 737-800 ให้บริการมานานกว่า 20 ปีแล้ว มีจำนวนที่บินอยู่ถึง 4,000 ลำ และเป็นหนึ่งในเครื่องบินที่ประสบความสำเร็จที่สุดของโบอิง โดยมีสายการบินจำนวนมากนำไปใช้งานการชนนก ไม่ใช่ปัญหาของโบอิง และการลงจอดบนทางวิ่งคอนกรีตแล้วไถลไปชนกำแพงคอนกรีตก็ไม่ใช่ปัญหาของโบอิงเช่นกัน"
ประเด็นกำแพงคอนกรีตที่ปลายรันเวย์ของสนามบินมูอัน ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากจุดสิ้นสุดทางวิ่งประมาณ 250 เมตร เป็นสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนตั้งข้อสังเกตไปในทิศทางเดียวกัน
David Learmount ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางอากาศ ระบุว่า หากไม่มี "สิ่งกีดขวาง" อยู่ปลายรันเวย์ เครื่องบินลำดังกล่าว "คงจะหยุดนิ่งโดยที่ผู้โดยสารส่วนใหญ่ หรืออาจทั้งหมดรอดชีวิต" หลังจากเครื่องบินลำดังกล่าวร่อนลงที่จุดหนึ่งของทางวิ่งความยาว 2,800 เมตร
Learmount มองว่า การลงจอดครั้งนี้ "ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้สำหรับการลงจอดที่ไม่มีแฟล็ปและไม่มีฐานล้อ กล่าวคือ ปีกอยู่ในระดับ จมูกเครื่องไม่ได้ยกสูงเกินไปจนทำให้หางเครื่องหัก" และเครื่องบินไม่ได้รับความเสียหายมากนักในระหว่างที่ไถลไปตามทางวิ่ง แต่กลับมาเกิดระเบิดตอนชนกับกำแพงคอนกรีต
ตามรายงานของสำนักข่าวยอนฮัปของเกาหลีใต้ โครงสร้างคอนกรีตดังกล่าวติดตั้งระบบนำร่องที่ช่วยในการลงจอดของเครื่องบิน หรือที่เรียกว่า "โลคอลไลเซอร์" โดยยอนฮัปรายงานว่า โครงสร้างนี้มีความสูง 4 เมตร ถูกกลบด้วยดิน และถูกยกระดับขึ้นเพื่อให้โลคอลไลเซอร์อยู่ในระดับเดียวกับทางวิ่ง เพื่อให้ระบบทำงานได้อย่างถูกต้อง
อ่านข่าว : รู้จัก "Bird Strike" ภัยเงียบจากนกที่ทำเครื่องบินตกได้
ปีใหม่ 2568 ลอกคราบเหมือนงู! เริ่มต้นชีวิตใหม่ "เปลี่ยนแปลง-เติบโต"