"เบตา" เด็กข้ามศตวรรษ
เจเนอเรชันเบตาไม่ได้เป็นเพียงแค่คำเรียกที่ดูเรียบง่ายตามลำดับตัวอักษรกรีกที่ต่อจาก "เจเนอเรชันอัลฟา" เท่านั้น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยความเป็นไปได้แบบไร้ขีดจำกัด
ตามการคาดการณ์ของ McCrindle บริษัทวิจัยด้านสังคมศาสตร์ในออสเตรเลีย ให้คำจำกัดความว่า
พวกเขาจะเกิดมาในยุคแห่งความเปลี่ยนแปลงที่ไม่มีวันหยุดนิ่ง
เจเนอเรชันเบตาจะประกอบด้วยเด็กที่เกิดระหว่างปี 2568-2582 และภายในปี 2578 พวกเขาจะมีจำนวนประชากรคิดเป็นร้อยละ 16 ของประชากรโลก ซึ่งนับว่าเป็นส่วนสำคัญที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมในอนาคต สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างคือ ทารกที่เกิดในปี 2568 จะมีโอกาสมีอายุถึง 76 ปีในปี 2644 หรือปี ค.ศ.2101 นั่นหมายความว่าเด็กกลุ่มนี้จะได้ใช้ชีวิตใน ศตวรรษที่ 22 ซึ่งเป็นสิ่งที่คนในเจเนอเรชันปัจจุบันอาจไปไม่ถึง
ภาพประกอบข่าว
AI คือโลกของเบตา
หากเจเนอเรชันอัลฟาเติบโตในยุคที่เทคโนโลยีอย่างสมาร์ตโฟนและ AI เพิ่งเริ่มเข้ามามีบทบาท เด็กเจเนอเรชันเบตาจะได้สัมผัสกับโลกที่ AI และระบบอัตโนมัติ (Automation) ผสานเข้ากับชีวิตอย่างสมบูรณ์แบบ ตั้งแต่โรงเรียนที่มีครู AI ที่สามารถปรับเนื้อหาและวิธีการสอนให้เหมาะสมกับความต้องการของเด็กแต่ละคน ไปจนถึงระบบสุขภาพที่สามารถวินิจฉัยโรคและแนะนำการรักษาได้แบบเรียลไทม์
โลกที่พวกเขาเติบโตมาจะไม่ได้แยก "ออนไลน์" และ "ออฟไลน์" ออกจากกันอีกต่อไป แต่จะเป็นโลกที่ทั้ง 2 ส่วนนี้เชื่อมโยงกันอย่างไร้รอยต่อ การเรียนรู้ การทำงาน และการใช้ชีวิตประจำวัน จะถูกรวมไว้ในระบบดิจิทัลที่อำนวยความสะดวกทุกด้าน
แต่ "เบตาเบบี้" ไม่ได้เกิดมาเพียงเพื่อใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเท่านั้น พวกเขายังต้องเผชิญกับปัญหาระดับโลกที่ซับซ้อน ตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การเพิ่มขึ้นของประชากร และความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ไปจนถึงความท้าทายที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรม เพราะพวกเขาเป็นผลผลิตจากพ่อแม่ที่เกิดในยุคเจน Y และเจน Z
ภาพประกอบข่าว
- Greatest Generation (เกิดก่อน พ.ศ.2468) ผ่านสงครามโลกครั้งที่ 2 ลักษณะเด่นมุ่งมั่นทำงานหนัก
- Silent Generation (พ.ศ.2468-2488) เงียบขรึม เน้นครอบครัว
- Baby Boomers (พ.ศ.2489-2507) เป็นประชากรที่มีจำนวนมากขณะนี้
- Generation X (พ.ศ.2508-2522) เป็นอิสระ ชอบความท้าทาย
- Genaration Y หรือ Millennials (พ.ศ.2523-2539) เชื่อมต่อกับเทคโนโลยี ชอบทำงานเป็นทีม
- Generation Z (พ.ศ.2540-2552) เกิดมาพร้อมกับเทคโนโลยี มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม
- Generation Alpha (พ.ศ.2553-2567) เชี่ยวชาญเทคโนโลยี เรียนรู้ไว เป็นตัวของตัวเองสูง
ความท้าทายพ่อแม่เจน Y-Z ต้องเลี้ยงดู "เบตา"
จากการสำรวจของ Pew Research Center พบว่าร้อยละ 71 ของมิลเลนเนียลหรือเจเนอเรชัน Y และร้อยละ 67 ของเจเนอเรชัน Z เห็นว่าการจัดการปัญหาสภาพภูมิอากาศเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้น ๆ ที่ต้องทำเพื่อสร้างโลกที่ยั่งยืน
พ่อแม่ของเจเนอเรชันเบตา จะเป็นกลุ่มที่ระมัดระวังเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีของลูก ๆ โดยสำรวจพบว่าร้อยละ 36 ของพ่อแม่เจน Z และร้อยละ 30 ของพ่อแม่เจน Y สนับสนุน "การจำกัดเวลาในการใช้หน้าจอของเด็ก" เพื่อป้องกันผลกระทบเชิงลบ เช่น การเสพติดหน้าจอ การลดทอนความสัมพันธ์ในครอบครัว และปัญหาสุขภาพจิต
เหล่าพ่อแม่จะพยายามปลูกฝังให้ เด็กเจนเบตา เติบโตในครอบครัวที่เน้นการเรียนรู้แบบองค์รวม ใช้เวลากับธรรมชาติ กิจกรรมสร้างสรรค์ และการส่งเสริมทักษะทางสังคม
แม้จะต้องเผชิญกับความท้าทายมากมาย แต่เจเนอเรชันเบตาจะเติบโตมาแบบมีศักยภาพในการสร้างอนาคตที่ดีกว่าด้วยความคิดสร้างสรรค์และการปรับตัว พวกเขาจะเป็นผู้นำในการพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ และสร้างแนวทางแก้ปัญหาที่คนในยุคปัจจุบันอาจยังนึกไม่ถึง
ผู้ใหญ่ต้อง ปรับตัว-เปลี่ยนแปลง-เปิดใจ
ในการเลี้ยงดูและสนับสนุนเด็กเจเนอเรชันเบตา ผู้ใหญ่ในยุคปัจจุบันจำเป็นต้องปรับตัวและเปลี่ยนวิธีคิดอย่างมาก โดยเฉพาะในโลกที่เทคโนโลยีจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตพวกเขาอย่างสมบูรณ์ ผู้ใหญ่ควรให้ความสำคัญกับการสร้างสมดุลระหว่างการใช้เทคโนโลยีกับการพัฒนาทักษะชีวิตในโลกจริง เช่น การจำกัดเวลาหน้าจอเพื่อป้องกันปัญหาสุขภาพจิต และส่งเสริมกิจกรรมที่ช่วยสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัวหรือการเรียนรู้นอกระบบดิจิทัล การสอนให้เด็กเข้าใจถึงความปลอดภัยในโลกออนไลน์ การจัดการข้อมูลส่วนตัว และการใช้งานเทคโนโลยีอย่างรับผิดชอบ จะเป็นพื้นฐานสำคัญที่ช่วยให้พวกเขาเติบโตอย่างมั่นคงและมีศักยภาพสูงสุด
นอกจากนี้ ผู้ใหญ่ควรปรับทัศนคติในการเลี้ยงดูเด็กโดยมองว่าเด็กเจเนอเรชันเบตาจะต้องเผชิญกับปัญหาระดับโลกที่ท้าทายมากขึ้น เช่น สภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ความเปลี่ยนแปลงทางสังคม และการแข่งขันทางเศรษฐกิจที่รุนแรง การปลูกฝังแนวคิดเรื่องความยั่งยืนและการใส่ใจสิ่งแวดล้อมตั้งแต่ยังเล็กเป็นสิ่งจำเป็น รวมถึงการสนับสนุนให้พวกเขาพัฒนาทักษะความคิดสร้างสรรค์ การแก้ปัญหา และความยืดหยุ่นทางจิตใจ (resilience) เพื่อให้พวกเขาสามารถปรับตัวและสร้างสรรค์โอกาสใหม่ ๆ ในโลกที่ไม่หยุดนิ่ง
ผู้ใหญ่ในยุคปัจจุบัน ควรทำหน้าที่เป็น "ผู้สนับสนุนที่ดี" เปิดรับการเปลี่ยนแปลงและพร้อมที่จะเรียนรู้ไปพร้อมกับเด็กเจเนอเรชันนี้ในทุกย่างก้าวของการเติบโต เพราะเมื่อเจเนอเรชันเบตาสิ้นสุดลงในปี 2582 เจเนอเรชันถัดไปอาจถูกเรียกว่า "เจเนอเรชันแกมมา" ซึ่งคาดว่าจะเป็นกลุ่มประชากรที่เกิดระหว่างปี 2583-2597 พวกเขาจะเผชิญกับโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่อง แต่จะยังคงมรดกทางความคิดและความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมจากพ่อแม่ในเจเนอเรชันก่อนหน้า
ภาพประกอบข่าว
10 ข้อต้องรู้เกี่ยวกับ "เบตาเบบี้"
-
เกิดระหว่างปี 2568-2579 เป็นกลุ่มประชากรที่เกิดขึ้นต่อจากเจเนอเรชันอัลฟา
-
ชื่อ "เบตา" มาจากอักษรกรีก
-
คาดการณ์ว่าเป็นร้อยละ 16 ของประชากรโลกในปี 2578 จะมีบทบาทสำคัญในเศรษฐกิจและสังคม
-
เติบโตในยุคที่ AI เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ตั้งแต่การศึกษา การทำงาน ไปจนถึงการดูแลสุขภาพ
-
พ่อแม่เป็นเจเนอเรชัน Y-Z ซึ่งมีแนวโน้มใส่ใจสิ่งแวดล้อมและเทคโนโลยี
-
เผชิญความท้าทายจากสภาพภูมิอากาศและความเป็นเมือง ต้องเรียนรู้เรื่องการปรับตัวกับปัญหาระดับโลกที่ซับซ้อน
-
มีแนวโน้มถูกเลี้ยงดูด้วยความระมัดระวังเรื่องหน้าจอ เพราะพ่อแม่สนับสนุนการจำกัดเวลาใช้งานเทคโนโลยี
-
เติบโตมาในโลกดิจิทัลที่เชื่อมโยงกับชีวิตจริงอย่างสมบูรณ์ ไม่แยกระหว่าง "ออนไลน์" และ "ออฟไลน์"
-
มีโอกาสใช้ชีวิตในศตวรรษที่ 22 ทารกที่เกิดปี 2568 จะมีอายุ 76 ปีในปี ค.ศ.2101
-
อาจเป็นผู้บุกเบิกแนวคิดใหม่ ๆ เพื่อโลกที่ยั่งยืน ด้วยพื้นฐานการเลี้ยงดูจากพ่อแม่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและสังคม
ภาพประกอบข่าว
ที่มา : People.com, USAtoday
อ่านข่าวอื่น :
ต้อนรับปีใหม่ 2568 ทิ้งทวนคืนเคานต์ดาวน์เมืองไทยส่งท้ายปีมังกร
โลกสว่างไสวรับปีใหม่! ฉลองยิ่งใหญ่ดอกไม้ไฟสวยสะกดทุกสายตา