หลังกล้องวงจรปิดจับภาพความเคลื่อนไหวของมือปืน ก่อนลงมือยิง นั่งรอบนรถจักรยานยนต์อย่างใจเย็น กระทั่งเหยื่อมาถึง ค่อยเดินข้ามฝั่งมาจ่อยิง ก่อนเดินกลับไปที่รถแล้วขับหนี
เพราะเหยื่อที่ถูกสังหาร ไม่ใช่คนไทย และไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป แต่เป็นอดีต สส.กัมพูชา สังกัดพรรคใหญ่ พรรคสงเคราะห์ชาติ หรือพรรคกู้ชาติกัมพูชา หรือ CNRP ที่ย่อจาก กัมโบเดีย เนชั่นแนล เรสคิว ปาร์ตี้ ที่เคยมีนายสม รังสี นักการเมืองคนสำคัญของกัมพูชา เป็นหัวหน้าพรรค
พรรค CNRP นับเป็นไม้เบื่อไม้เมา เป็นศัตรูทางการเมืองกับพรรค CPP หรือพรรคประชาชนกัมพูชา ของสมเด็จฮุนเซ็น อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่ครองอำนาจมายาวนาน หวุดหวิดเคยจะทำให้พรรค CPP พ่ายแพ้ในการเลือกตั้ง เมื่อปี 2556 ซึ่งเป็นช่วงรุ่งโรจน์และได้รับความนิยมจากชาวกัมพูชา
ทำให้เกิดการใช้อำนาจทางการเมืองเพื่อหวังสกัดกั้นการเติบโตของพรรค ก่อนในเวลาต่อมา ปี 2560 จะถูกศาลศาลสูงสุดกัมพูชา สั่งยุบพรรคและตัดสิทธิ์ทางการเมืองผู้บริหารและเจ้าหน้าที่พรรคกว่า 100 คน เป็นเวลา 5 ปี ด้วยข้อหาสมคบคิดกับต่างชาติเพื่อเตรียมโค่นล้มรัฐบาล หลังจากมีกฎหมายว่าด้วยพรรคการเมืองมีผลบังคับใช้ในช่วงกลางปีนั้น
แกนนำและสมาชิกส่วนหนึ่ง ต้องหลบหนีไปอยู่ฝรั่งเศส ซึ่งเป็นประเทศที่เคยยึดครองกัมพูชาสมัยล่าอาณานิคม และเป็นประเทศที่ชาวกัมพูชาถูกส่งตัวไปอยู่ หลังเจอปัญหาสงครามกลางเมือง แย่งชิงอำนาจกันยาวนาน ส่วนใหญ่ไปสหรัฐ และอีกหลายประเทศ รวมทั้งฝรั่งเศส ทำให้ สส.พรรคนี้ส่วนหนึ่งมีสัญชาติฝรั่งเศสด้วย
นายลิมเป็นหนึ่งในอดีต สส.ที่ไม่ยอมไปอยู่ฝรั่งเศส ทั้งที่มีสัญชาติฝรั่งเศส แต่กลับยังคงเคลื่อนไหวเป็นหอกข้างแคร่รัฐบาลสมเด็จฮุนเซ็น ขณะที่แกนนำพรรคคนสำคัญอย่างนายเข็ม โสกา หัวหน้าพรรคที่รับตำแหน่งแทน นายสม รังสี ก็ถูกเจ้าหน้าที่บุกจับกุมตัวที่บ้านพักข้อหากบฏ
พร้อมระบุมีคลิปวิดีโอและหลักฐานอื่น ๆ ที่แสดงว่า นายเข็มร่วมมือกับคนอื่น ๆ ในพรรค และต่างประเทศ เตรียมกระทำการเป็นอันตรายต่อประเทศกัมพูชา เมื่อปี 2560 ทำให้การเลือกตั้งใหญ่ปี 2561 และ 2566 พรรค CPP แลนด์สไลด์ ยึดที่นั่งในรัฐสภาได้ทั้งหมด
การถูกดักสังหาร ขณะเดินทางในประเทศไทย ของนายลิม จึงถูกดึงเกี่ยวโยงกับเรื่องการเมืองในกัมพูชาอย่างเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะในแถลงการณ์ของพรรค CNRP หรือกลุ่มฮิวแมนไรท์วอท หรือจากการนำเสนอ และวิเคราะห์ข่าวโดยสื่อยักษ์ใหญ่หลายสำนักในต่างประเทศ รวมทั้งอัลจาซีร่า ที่ระบุว่า เป็นการลอบสังหาร
สอดรับกับท่าทีของอดีตคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน (กสม.) อย่างนางอังคณา นีละไพจิตร และพรรคฝ่ายค้านของไทย อย่างพรรคประชาชน ที่ชี้ว่า เป็นเรื่องใหญ่และสำคัญที่รัฐบาลของไทยต้องใส่ใจดำเนินการและสืบสวนสอบสวน คลี่ปมสังหารที่เกิดขึ้น เพราะเป็นการกระทำที่อุกอาจ และเป็นการลงมือจัดการกับศัตรูทางการเมืองถึงกลางกรุงเทพฯ ราชอาณาจักรของไทย
อีกทั้งมือปืนสังหารที่ถูกออกหมายจับ และถูกจับกุมตัวได้ที่พระตะบอง ประเทศกัมพูชา ก็เป็นอดีตทหารเรือเก่า ยศพันจ่าเอก ปัจจุบันเป็นทหารนอกราชการ
จึงยิ่งถูกตั้งข้อสังเกตมากขึ้นว่า “เป็นคนมีสี” เป็นคนวงในของกลุ่มมือปืนรับงาน หรือรับจ้างสังหารตามสูตรหรือไม่ เพราะไม่น่าจะมีอะไรขุ่นข้องหมองใจอะไรกับเหยื่อที่เป็นคนในประเทศกัมพูชา อีกทั้งยังพบว่า มีคนชี้เป้าเป็นคนกัมพูชาด้วย
ด้านหนึ่งก็ต้องชื่นชมตำรวจชุดไล่ล่าของไทย ที่สามารถตามกุมตัวจ่าเอ็มได้ในที่สุด ภายใต้การประสานกับตำรวจสำเภารูน ของกัมพูชา
และขั้นตอนต่อไปนี้ จะมีความสำคัญทั้งระหว่างการนำตัวกลับมารับโทษในประเทศไทย และขั้นตอนในการสืบสวนสอบสวน สอบปากคำ หาหลักฐานประกอบสำนวนคดี จะได้คำตอบอย่างไรหรือไม่ และจะเป็นคำตอบจริง ๆ ที่จะคลี่ปมปริศนาการสังหารอดีต สส.กัมพูชาได้หรือไม่ หรือจะมีอะไรเป็นตัวช่วย ทำให้คดีนี้บิดเบี้ยวไปอีกทางหรือไม่
ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะคดีนี้ฝ่ายไทยมีเดิมพันสูงสูงมาก
วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา บรรณาธิการอาวุโส
อ่านข่าว : แอมเนสตี้ฯ ขอไทยสืบสวนคดีสังหาร "ลิม กิมยา" อย่างโปร่งใส - เป็นกลาง
ตร.เร่งขอตัว "จ่าเอ็ม" มือยิง "ลิม กิมยา" กลับไทยคาดไม่เกิน 1 เดือน