วันนี้ (10 ม.ค.2568) ไฟป่าครั้งใหญ่ในแคลิฟอร์เนีย ยังคงลุกลามอย่างรุนแรง เผาผลาญบ้านเรือนกว่า 1,500 หลัง รวมถึงบ้านของบุคคลที่มีชื่อเสียงและทรัพย์สินสำคัญในพื้นที่ชายฝั่งลอสแอนเจลิส เช่น ย่าน Pacific Palisades และ Hollywood Hills บ้านมูลค่าหลายสิบล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ถูกเปลวไฟทำลาย ทิ้งไว้เพียงเถ้าถ่าน ขณะที่ประชาชนจำนวนมากต้องอพยพอย่างเร่งด่วน
ผู้ประสบภัยบางรายสูญเสียบ้านที่พวกเขาอาศัยอยู่มาตลอดชีวิต เช่น ครอบครัวของ Lynne Levin-Guzman ซึ่งบ้านของพ่อแม่วัย 90 ปี ที่เคยได้รับการคุ้มครองจากประกันมานานกว่า 75 ปี ต้องเผชิญวิกฤตเมื่อบริษัทประกันยกเลิกกรมธรรม์เพราะความเสี่ยงจากไฟป่า
ระหว่างปี 2563-2565 มีการยกเลิกกรมธรรม์ในรัฐแคลิฟอร์เนียกว่า 2,800,000 ฉบับ และกว่า 531,000 ฉบับในเขตลอสแอนเจลิสที่กำลังเผชิญไฟป่ารุนแรง บริษัทประกันหลายแห่งปฏิเสธที่จะต่ออายุกรมธรรม์ในพื้นที่เสี่ยงสูง โดยระบุเหตุผลว่า ความเสี่ยงจากไฟป่าที่เพิ่มขึ้นทำให้ต้นทุนการคุ้มครองสูงเกินกว่าจะรับไหว
ประชาชนจำนวนมากต้องหันมาใช้โครงการประกันภัยของรัฐอย่าง "California FAIR Plan" ซึ่งถูกออกแบบมาเป็นทางเลือกสุดท้ายสำหรับพื้นที่หรือบ้านเรือนที่บริษัทประกันเอกชนไม่ยอมให้บริการ
อย่างไรก็ตาม กรมธรรม์ของ FAIR มาพร้อมค่าเบี้ยประกันที่สูงกว่า และความคุ้มครองที่น้อยกว่า ทำให้เจ้าของบ้านต้องซื้อกรมธรรม์เพิ่มเติมเพื่อเสริมความคุ้มครอง
สถานการณ์นี้กำลังบีบให้เจ้าของบ้านในพื้นที่เสี่ยงต้องเผชิญกับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยการขอความช่วยเหลือจาก FAIR เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 61 ในปีที่ผ่านมา และเพิ่มขึ้น 3 เท่าในช่วง 4 ปีหลัง ทั้งยังมีความกังวลว่าการลุกลามของไฟป่าครั้งใหญ่จะยิ่งทำให้ระบบ FAIR ต้องแบกรับภาระหนักขึ้น
เมื่อไม่นานมานี้ กรมประกันภัยแห่งรัฐแคลิฟอร์เนียประกาศกฎระเบียบใหม่ที่มีเป้าหมาย จูงใจบริษัทประกันเอกชนให้กลับมาคุ้มครองในพื้นที่เสี่ยง โดยกำหนดให้บริษัทต้องให้ความคุ้มครองในพื้นที่เสี่ยงไม่น้อยกว่าร้อยละ 85 ของส่วนแบ่งตลาดในรัฐ และอนุญาตให้บริษัทปรับเบี้ยประกันโดยคำนึงถึงต้นทุน Reinsurance ซึ่งเป็นต้นทุนการประกันภัยต่อ
แม้มาตรการนี้จะถูกมองว่า เป็นทางออกสำหรับการเพิ่มความคุ้มครองในพื้นที่เสี่ยง แต่นักวิจารณ์อย่าง Consumer Watchdog กลับมองว่าอาจเป็นการเพิ่มภาระให้เจ้าของบ้าน เนื่องจากเบี้ยประกันอาจเพิ่มขึ้นร้อยละ 40-50 ขณะที่ยังไม่มีหลักประกันว่าบริษัทประกันจะกลับมาคุ้มครองพื้นที่เสี่ยงในทันที
แม้รัฐพยายามแก้ปัญหา แต่เจ้าของบ้านในพื้นที่เสี่ยงต้องเผชิญกับทางเลือกที่ลำบาก ระหว่างการยอมจ่ายเบี้ยประกันที่สูงขึ้น หรือเผชิญไฟป่าโดยไม่มีการคุ้มครอง วิกฤตครั้งนี้ไม่เพียงสร้างภาระหนักให้เจ้าของบ้าน แต่ยังสะท้อนถึงความเปราะบางของระบบประกันภัยในยุคที่สภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
วิกฤตไฟป่าแคลิฟอร์เนียครั้งนี้ สะท้อนผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ทำให้ไฟป่าในแคลิฟอร์เนียรุนแรงขึ้น สภาพอากาศที่แห้งแล้งและฤดูไฟป่าที่กินระยะเวลายาวนานตลอดปี ทำให้รัฐต้องเผชิญความท้าทายที่ยากลำบาก
อ่านข่าวเพิ่ม :
สภาพอากาศสุดขั้ว ผลักดัน "แคลิฟอร์เนีย" สู่วิกฤตไฟป่า
ไฟป่าแคลิฟอร์เนียวิกฤต พังทลายชีวิต-ทรัพย์สิน อพยพนับแสนคน
เศร้า "ปุ๋ย ภรทิพย์" เสียบ้านเหตุไฟป่าแคลิฟอร์เนีย กงสุลตั้งศูนย์ช่วยคนไทย