วันนี้ (12 ม.ค.2568) นายวรวงศ์ รามางกูร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ ให้ความสำคัญกับการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งไทยมีศักยภาพในอุตสาหกรรมใหม่อย่างแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (PCB) ซึ่งอินเดียและไทยสามารถนำศักยภาพมาเสริมกันเพื่อเชื่อมต่อการผลิต PCB และบริการที่เกี่ยวข้องได้ ล่าสุดได้หารือกับ Mr. Keshab Mahanta รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สรรพากร และการจัดการภัยพิบัติ แห่งรัฐอัสสัม ซึ่งเป็นรัฐที่มีอัตราเติบโตสูงรัฐหนึ่งของอินเดีย ตั้งอยู่ในทางตะวันออกเฉียงเหนือใกล้ชายแดนเมียนมา
นายวรวงศ์ รามางกูร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ หารือMr. Keshab Mahanta รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สรรพากร และการจัดการภัยพิบัติ แห่งรัฐอัสสัม
และเชิญชวนผู้ประกอบการจากรัฐอัสสัมมาเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในไทย เช่น งานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ (Bangkok Gems and Jewelry Fair) ครั้งที่ 71 งานแสดงสินค้า THAIFEX - HOREC Asia 2025 งาน STYLE Bangkok งานแสดงสินค้าอาหาร 2568 (THAIFEX - ANUGA ASIA 2025) และงาน TILOG – Logistix 2025 เป็นต้น
เพื่อเป็นโอกาสในการพบปะเจรจาธุรกิจ และได้เสนอให้มีการเชื่อมโยงเครือข่ายให้กับผู้ประกอบการรุ่นใหม่และสตาร์ทอัพ รวมถึงมหาวิทยาลัยของทั้งสองฝ่าย เพื่อปูทางไปสู่การค้าและการลงทุนร่วมกันของ SMEs รุ่นใหม่ต่อไปในอนาคต
ทั้งนี้ ทางอินเดียได้หารือถึงลู่ทางการขยายการค้าและการลงทุนไปสู่เขตเศรษฐกิจในรัฐอัสสัมที่เป็นศูนย์กลางของรัฐต่างๆ ที่รวมเรียกว่ารัฐ 7 สาวน้อยของอินเดีย ซึ่งทางรัฐอัสสัมได้เชิญชวนให้ผู้ประกอบการไทยให้เดินทางไปสำรวจโอกาสการลงทุนในรัฐอัสสัม
Mr. Keshab Mahanta รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สรรพากร และการจัดการภัยพิบัติ แห่งรัฐอัสสัม
โดยจะมีการจัดงานส่งเสริมการลงทุนชื่อ Assam Advantage 2.0: Investment and Infrastructure Summit ระหว่างวันที่ 25 -26 ก.พ.2568 ที่เมืองกวาฮาตีของรัฐอัสสัม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในภาคการก่อสร้างเพื่อรองรับการเขตอุตสาหกรรมต่างๆ เชิญชวนให้เอกชนไทยเข้าไปร่วมพัฒนาและลงทุนในสาขาที่รัฐอัสสัมมีศักยภาพ เช่น อุตสาหกรรมสิ่งทอ เป็นต้น
นายวรวงศ์ กล่าวอีกว่า กระทรวงพาณิชย์จะประชาสัมพันธ์ไปยังผู้ประกอบการไทย รวมถึงพร้อมจะให้การสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล เช่น ศูนย์การจัดเก็บข้อมูล (Data Center) เพื่อใช้ในการจัดการทรัพยากร การจัดการภัยพิบัติ และการพัฒนาด้านอื่นๆ ของอัสสัม ทั้งนี้ทางรัฐอัสสัมยินดีที่จะอำนวยความสะดวกในด้านต่างๆ แก่นักลงทุนไทย
ข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า อินเดียเป็นคู่ค้าลำดับที่ 11 ของไทย และเป็นคู่ค้าลำดับที่ 1 ของไทยในภูมิภาคเอเชียใต้ โดยไทยและอินเดียมีการค้าสินค้าอุตสาหกรรมขั้นกลางระหว่างกันจำนวนมาก ซึ่งอินเดียนำไปต่อยอดการผลิตเป็นสินค้าต่างๆ เพื่อใช้ภายในประเทศและการส่งออก การค้าไทยและอินเดียจึงมีลักษณะการเป็นห่วงโซ่อุปทานระหว่างกันในภูมิภาคในปี 2567 (ม.ค. - พ.ย. 67) ไทยและอินเดียมีการค้ารวมมูลค่า 15,797.32 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 6.06% จากปีก่อนหน้า
โดยไทยส่งออกไปยังอินเดียเป็นมูลค่า 10,497.46 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 12.35% จากปีก่อนหน้า สำหรับสินค้าส่งออก 10 อันดับแรก ได้แก่ เคมีภัณฑ์ เม็ดพลาสติก ไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ อัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบของเครื่องจักรกล เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ทองแดงและของที่ทำด้วยทองแดง เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และผลิตภัณฑ์ยาง
อ่านข่าว:
ปชช.เที่ยวชมความงาม "สะพานทศมราชัน" ก่อนเปิดสัญจร 29 ม.ค.นี้