เริ่มแล้ว รอบแรก "ปอย" จำลองเหตุการณ์แตงโมตกเรือ

วันนี้ (16 ม.ค.2568) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม, นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออกมหาวิทยาลัยรังสิต พร้อมผู้เกี่ยวข้องจัดพิธีบวงสรวงและจำลองเหตุการณ์การตกเรือของ น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม ที่บริเวณโรงแรมริมแม่น้ำเจ้าพระยา จ.นนทบุรี และท่าเรือพิบูลสงคราม 1

"ปอย" จำลองเหตุการณ์แตงโมตกเรือรอบแรก

สำหรับการจำลองเหตุการณ์รอบแรก จะเป็น น.ส.เฌอลินณ์ ไกรอารยะพัทธ์ หรือปอย มิสแกรนด์นครพนม 2025 โดยมีการไหว้พระแม่คงคาก่อนทำการจำลองเหตุการณ์ครั้งแรก โดยเจ้าตัวสวมแว่นกันน้ำสีฟ้า เสื้อชูชีพ นั่งเรือลำเดียวกับณวัฒน์ อิสรไกรศีล เจ้าของมิสแกรนด์ และนายปานเทพ วิ่งเรือไปถึงบริเวณสะพานพระราม 7 ก่อนจะวนเรือกลับมา ใช้ความเร็ว 8 น็อต หรือประมาณ 14.816 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แล้วมีการจำลองเหตุการณ์และตกจากเรือบริเวณหน้าท่าเรือพิบูลสงคราม 1 โดยมีทีมงานกู้ภัยดูแลความปลอดภัยอย่างใกล้ชิด

นายอัจฉริยะ เปิดเผยว่า ตัวเองมั่นใจว่าการเสียชีวิตของ น.ส.ภัทรธิดา ไม่ได้เกิดจากความประมาท และพลัดตกจากท้ายเรือ อีกทั้งบาดแผลก็ไม่ได้เกิดจากใบพัดเรือ โดยเส้นผม 3 เส้นที่ตำรวจนำไปใช้เป็นหลักฐานส่วนตัวมองว่าเป็นพยานงอกที่ถูกสร้างขึ้นมา โดยแนวทางการเคลื่อนไหวตัวเองตั้งเป้าหมายไว้ คือ การทำคดีนี้ให้เหมือนคดีของนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส

เบื้องต้นวางกลยุทธ์ไว้ คือ 1.ตราบใดที่ศาลจังหวัดนนทบุรียังไม่มีคำพิพากษาคดีชั้นต้น อำนาจการแก้ไขคำฟ้องเป็นอำนาจของอัยการสูงสุด ซึ่งขณะนี้ได้รับความเมตตาจากกระทรวงยุติธรรม และกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในการเข้าร่วมสังเกตการณ์และตรวจสอบสำนวนคำฟ้องเพื่อยื่นต่อพนักงานอัยการสูงสุด

2.ในวันพรุ่งนี้ (17 ม.ค.) ตัวเองจะเข้าร้องกรมสอบสวนคดีพิเศษให้มีการสืบสวนสอบสวนกับทุกคนที่เกี่ยวข้อง เช่น อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ อดีตผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนคดี แพทย์นิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ และคนบนเรือทั้ง 5 คน เพื่อให้ดำเนินคดี ในข้อหาร่วมกันปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือร่วมกันทุจริต และร่วมกันช่วยเหลือคนบนเรือทั้ง 5 คนให้พ้นผิดหรือรับโทษน้อยลง โดยมีคนบนเรือทั้ง 5 คนให้ความช่วยเหลือเจ้าหน้าที่รัฐ สำหรับคดีนี้ต้องส่งเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)

ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ยังระบุว่า กรณีนี้เป็นความผิดอาญาแผ่นดิน จึงไม่มีความเกี่ยวข้องกับแม่ของ น.ส.ภัทรธิดา ซึ่งตัวเองสามารถร้องทุกข์กล่าวโทษตามความผิดคดีอาญาแผ่นดินได้ เบื้องต้นมองว่า แม้ผลที่ออกมาจะเป็นคดีฆาตกรรมหรืออุบัติเหตุ ก็เป็นโอกาสดีที่จะได้พิสูจน์ความจริง

ด้านนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความ ให้ความเห็นระบุว่า การทดสอบการตกเรือเป็นเพียงการสร้างพยานหลักฐานขึ้นใหม่ ไม่ใช่พยานหลักฐานใหม่ เพราะคำว่าพยานหลักฐานใหม่หมายถึงพยานหลักฐานที่มีอยู่แล้วในวันเกิดเหตุ แต่ไม่อยู่ในสำนวนของพนักงานสอบสวน หรือสำนวนของศาล จึงจะเรียกว่าพยานหลักฐานใหม่

ส่วนการจับพิรุธพยานบุคคล พยานเอกสาร พยานวัตถุ เป็นเรื่องของการจับพิรุธ เรียกว่าพยานมีพิรุธ ซึ่งพยานหลักฐานใหม่ที่จะเอาผิดคนบนเรือได้ ต้องเป็นพยานหลักฐานสำคัญเกี่ยวกับองค์ประกอบความผิด เช่น สามารถยืนยันได้ว่าผู้กระทำความผิดเป็นใครการกระทำ เช่น การฆาตกรรมกระทำด้วยวิธีการใดใช้อาวุธประเภทใด แต่หากมีพยานหลักฐานใหม่ แต่ไม่ใช่พยานหลักฐานสำคัญสามารถพิสูจน์ความผิดของคนบนเรือได้ก็ไม่เป็นประโยชน์

ทั้งนี้ การตกเรือต้องจำลองสภาพแวดล้อมให้เหมือนกับวันเกิดเหตุทุกประการ ไม่ใช่จัดทดสอบตามความเข้าใจ เพราะจะไม่สามารถนำไปใช้ในชั้นศาลได้ และการจำลองสถานการณ์ไม่ใช่พยานหลักฐาน แต่เป็นการสาธิตตามความเข้าใจของตัวเอง ซึ่งไม่ใช่พยานคนกลางที่ไม่มีน้ำหนักเพียงพอในการรื้อฟื้นคดี โดยคดีของ น.ส.ภัทรธิดา จะนัดพิจารณาครั้งสุดท้ายในวันที่ 29 ม.ค.2568 ตัวเองได้พูดคุยกับทนายความจำเลยแล้วน่าเชื่อว่าเป็นนัดสุดท้าย

จากนั้นอีกประมาณ 2 เดือน จึงจะมีคำพิพากษาในความผิดเกี่ยวกับเรื่องประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งคดีนี้นายอัจฉริยะอ้างว่า จะไปขอแก้ฟ้องของอัยการ แต่เท่าที่ทราบอัยการไม่น่าจะยื่นคำร้องต่อศาลให้แก้ฟ้องเพราะไม่มีพยานหลักฐานใหม่

อ่านข่าว : "ปานเทพ" นำอาสาสมัครจำลองสถานการณ์ "แตงโม" ตกเรือ