กรณีเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และเจ้าหน้าที่จากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ร่วมกับตำรวจสอบสวนกลางและตำรวจกองบังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 9 วางแผนจับกุมสารวัตรสอบสวน สภ.สะเดา จ.สงขลา หลังได้รับร้องเรียนว่ามีพฤติการณ์เรียกรับเงินจากผู้ต้องหาชาวมาเลเซีย อ้างว่าเป็นค่าธรรมเนียมดำเนินคดี
ผู้ต้องหาชาวมาเลเซีย ถูกจับกุมในข้อหา มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงถูกนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.สะเดา โดยมีสารวัตรสอบสวนคนดังกล่าว เป็นเจ้าของคดี ต่อมาผู้ต้องหาได้ยื่นประกันตัว วงเงิน 75,000 บาทและมีค่าอำนวยความสะดวกอีก 5,000 บาท รวมเป็น 80,000 บาท ซึ่งเงินทั้งหมด ภรรยาของผู้ต้องหาได้นำมามอบให้พนักงานสอบสวน
ต่อมา สารวัตรสอบสวนเจ้าของคดีได้ติดต่อผู้เสียหายชาวมาเลเซียอีกครั้ง เพื่อขอเงินเป็นค่าธรรมเนียมดำเนินคดีอีก 20,000 บาท ผู้เสียหายจึงเดินทางไปร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. จนนำมาสู่การวางแผนจับกุมที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง พร้อมของกลางเป็นเงินจำนวน 15,000 บาท ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้นำธนบัตรทั้งหมดลงบันทึกประจำวันไว้ก่อนแล้ว จากนั้นเจ้าหน้าที่นำตัวสารวัตรสอบสวนไปดำเนินคดี แต่เจ้าตัวยังคงให้การปฏิเสธ
ล่าสุดวันนี้ (28 ม.ค.2568) พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 เปิดเผยว่า ได้รับรายงานเรื่องดังกล่าวแล้ว ซึ่งผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา จะดำเนินการตามระเบียบ โดยตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ซึ่งตามแนวทางปฏิบัติต้องให้ผู้ถูกกล่าวหาออกจากราชการไว้ก่อน
อย่างไรก็ตามจะให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย หากตำรวจผิดจริงจะดำเนินการทางวินัยถึงที่สุด ขณะเดียวกันได้กำชับและตรวจสอบไม่ให้เกิดพฤติการณ์ลักษณะนี้ขึ้นอีก
อ่านข่าว
"ราชทัณฑ์" ยืนยันไม่จริงข่าว "กันต์ กันตถาวร" จบชีวิตในเรือนจำ
เมียนมาส่ง 61 ชาวต่างชาติถูกหลอกค้ามนุษย์กลับไทย 29 ม.ค.นี้
ป.ป.ช.ชี้แจงขั้นตอนไต่สวนอดีต 44 สส.ก้าวไกล ปมลงชื่อแก้ ม.112