“สมุทรปราการ” เป็นหนึ่งในพื้นที่คาดหวังสูงของพลพรรคประชาชน และนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ช่วยหาเสียง และเป็นผู้รับผิดชอบสนาม อบจ.สมุทรปราการ จึงได้เห็นนายธนาธร ไปช่วยหาเสียงช่วยนายนพดล สมยานนทนากุล ผู้สมัครนายก อบจ.ของพรรค บ่อยครั้ง พร้อมแกนนำ อย่าง “หัวหน้าเท้ง” นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ
เรียกร้องให้คนปากน้ำเลือก อบจ. เพื่อการเปลี่ยนแปลงให้สมุทรปราการ เป็นเมืองคุณภาพและน่าอยู่ เพราะหากเลือกเหมือนเดิมก็จะได้แบบเดิม ที่สำคัญได้ชูนโยบายเรื่องบริหารจัดการงบประมาณ เพื่อการพัฒนาให้โปร่งใส แก้ปัญหาให้ตรงจุด เนื่องจากแต่ละปี มีงบประมาณสูงถึง 2,500 ล้านบาท หาก 4 ปี คือ จะมีงบสูงร่วมหนึ่งหมื่นล้านบาท
4 ปีก่อน นายธนาธร นำคณะก้าวหน้าสู้ศึกนายก อบจ.ถึง 42 จังหวัด แต่แพ้รวดทุกสนาม รวมทั้งที่สมุทรปราการ แพ้ให้กับ นันทิดา แก้วบัวสาย อดีตภรรยาของนายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม แบบไม่ได้ลุ้น ด้วยคะแนน 3.4 แสนเสียง ต่อ 7.4 หมื่นเสียง นำไปสู่การถอดบทเรียนของค่ายสีส้ม ที่ต้องแยกและจัดลำดับพื้นที่เป้าหมาย เลือกเทน้ำหนักให้กับจังหวัดที่มีโอกาส รวมทั้งปากน้ำ สมุทรปราการ
ด้านหนึ่งมั่นใจในคะแนนนิยมของพรรค หลังการเลือกตั้ง สส.ปี 2566 ปักธง สส.ได้ทั้ง 8 คน ยกจังหวัด เอาชนะทุกคน รวมทั้งบ้านใหญ่และเครือข่ายของตระกูลอัศวเหม แถมคะแนน สส.บัญชีรายชื่อ หรือคะแนนพรรค ได้มากถึง 3.7 แสนเสียง ขณะที่พรรคพลังประชารัฐ ต้นสังกัดของ สส.กลุ่มบ้านใหญ่อัศวเหม ได้เพียง 1.6 แสนเสียง
ถือเป็นการเอาคืนบ้านใหญ่ เมื่อการเลือกตั้ง สส.ปี 2562 พรรคพลังประชารัฐที่ชู พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นแคนดิเดทนายกฯ ของกลุ่มบ้านใหญ่ “อัศวเหม” ได้ไป 6 คน จากทั้งหมด 7 คน ส่วนคะแนน สส.ปาร์ตี้ลิสต์ พรรคพลังประชารัฐได้ 2.3 แสนเสียง มากกว่าพรรคอนาคตใหม่ขณะนั้นที่ได้ 1.8 แสนเสียง และได้ สส.1 คน ในเขต อ.บางพลี ที่ตั้งของกลุ่มธุรกิจ คือบริษัท ไทยซัมมิต ออโต้พาร์ท ของนายธนาธร
ทั้งนี้ เลือกตั้งปี 2562 ถือเป็นกลับคืนสู่สนามเลือกตั้งระดับชาติ คือ สส.อีกครั้งของบ้านใหญ่อัศวเหม และเครือข่าย หลังจากไม่มี สส.ในสภาผู้แทนฯ แทน นับตั้งแต่ปี 2544 ที่นายทักษิณ ชินวัตร ตั้งพรรคไทยรักไทย และส่งผู้สมัครสส.ครั้งแรก และกวาด สส.สมุทรปราการไป 5 คนจากทั้งหมด 6 คน
จากนั้นมาจนถึงเลือกตั้งปี 2554 ผู้สมัครจากบ้านใหญ่ “อัศวเหม” โดนตีตกทะเลหมด เพราะพรรคไทยรักไทย เข้าไปยึดพื้นที่แทน พร้อมเป็นฐานมวลชนคนเสื้อแดงที่เข้มแข็งมาก ขณะเดียวกันในปี 2551 นายวัฒนา อัศวเหม ประมุขใหญ่ โดนคดีทุจริตโครงการบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน ต้องหนีไปต่างประเทศ จึงเกิดความระส่ำระสายอย่างหนัก กระทั่งถูกวิพากษ์ว่า กำลังจะหมดยุค “อัศวเหม” ด้วยซ้ำ
เคราะห์ช้ำกรรมซัด นายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม ทายาทคนสำคัญ ถูกสั่งให้พักงานโดย คสช. กรณีความไม่โปร่งใสในการเบิกจ่ายงบประมาณฯ สมัยเป็นนายก อบจ. และยังถูกศาลตัดสินจำคุกคุกในคดีทุจริตเลือกตั้ง ส.ท.สมุทรปราการ ที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2542 อีกนานกว่า 1 ปี
แต่ถึงแม้จะห่างหายไปจากสภาใหญ่นานถึง 18 ปี แต่ในระดับท้องถิ่น บ้านใหญ่ “อัศวเหม” ยังสามารถรักษาฐานเสียงเอาได้อย่างเหนียวแน่น แม้บางครั้งอาจจะพลาดบางตำแหน่ง อาทิ นายก อบจ. สมัยนายอำนวย รัศมิทัต บิดาของ น.ส.เรวดี รัศมิทัต อดีต สส.2 สมัย เป็นนายก อบจ.
แต่ครั้งนั้น เสียง ส.อบจ.ส่วนใหญ่และประธานสภา อบจ. ก็เป็นคนในเครือข่ายบ้านใหญ่ รวมทั้งนายกเทศมนตรีเทศบาลนครสมุทรปราการ เรียกได้ว่า ไม่เคยเสียท่า ให้กับฝ่ายตรงข้ามในสนามท้องถิ่นถึงขั้นเพลี่ยงพล้ำเลย
ครั้งนี้ นายวัฒนาประมุขใหญ่ที่รอเวลากลับคืนประเทศไทย รอเพียงคดีใกล้หมดอายุความ ขณะนี้เคลื่อนไหวอยู่แถวปอตเปต ชายแดนไทย-กัมพูชา ได้บัญชาการเอง และเลือกนายสุนทร ปานแสงทอง อดีตรัฐมนตรีช่วยเกษตรฯ และเป็นคนเก่าคนแก่ในเครือข่ายบ้านใหญ่อัศวเหม ลงรักษาเก้าอี้นายก อบจ. มีการเปิดตัวโดยนายวัฒนา และมีภาพข่าวสร้างฮือฮาไม่น้อย เมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2567
ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีการประสานเจรจาและจับมือกับ “บ้านใหญ่” และ “บ้านรอง” ตระกูลอื่นในสมุทรปราการ อาทิ ตระกูลรุ่งเรือง บ้านใหญ่ อ.บางพลี และ “รัศมิทัต” บ้านใหญ่พระสมุทรเจดีย์ แพ็คทีมผนึกพลังรับมือเลือกตั้ง อบจ.ครั้งนี้อย่างลงตัว ด้วยยุทธศาสตร์ “กระจายอำนาจ”สร้างพันธมิตร ซึ่งต่างจาก “บ้านใหญ่” จังหวัดอื่น ๆ
ทำให้การชิงนายก อบจ. และส.อบจ.สมุทรปราการครั้งนี้ จึงเป็นศึกใหญ่ และศึกแห่งศักดิ์ศรี ระหว่าง 2 บ้านใหญ่ “อัศวเหม” ที่ยืนยงมายาวนาน โดย “สิงห์เฒ่า” รุ่นเก๋าอย่างนายวัฒนา กุมบังเหียนเอง กับ “จึงรุ่งเรืองกิจ” ที่ยังแรงดีสีไม่ตก นำโดยนายธนาธร ที่ต่างฝ่ายต่างแพ้ไม่ได้
ยังเป็นที่น่าสังเกตด้วยว่า ครั้งนี้ พรรคเพื่อไทยที่เคยครองพื้นที่ สส.สมุทรปราการ มายาวนานตั้งแต่พรรคไทยรักไทย ไม่ส่งคนลงสมัครในนามพรรค แม้จะมีอดีต สส.ไทยรักไทย นายประเสริฐ ชัยกิจเด่นนภาลัย ลงสมัคร แต่ในนามอิสระ จึงถูกวิพากษ์ได้เช่นกันว่า อาจมี “ดีลลับ”หรือข้อตกลงบางประการเกิดขึ้น
แต่ศึกนี้ ฟันธงว่า “เดือดปุด” แน่นอน
วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา บรรณาธิการอาวุโส
อ่านข่าว : "รังสิมันต์" แย้มข้อมูล ตร.ยศ "พล.ต.ต." เอี่ยวธุรกิจกาสิโนเมียววดี