วันนี้ (7 ก.พ.2568) ดร.นันทวัน วงศ์ขจรกิตติ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ระบุว่า ขณะนี้ กยศ. มีการบอกเลิกสัญญาผู้กู้ยืมเนื่องจากไม่ชำระเงินคืนตามสัญญา และกำลังจะเข้าสู่กระบวนการฟ้องร้องดำเนินคดี ประมาณ 31,000 คน จำนวนทุนทรัพย์กว่า 2,800 ล้านบาท
ดังนั้นจึงขอแนะนำให้ผู้กู้ยืมมาทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้กับกยศ.เพื่อขยายระยะเวลาผ่อนชำระอีก 15 ปี โดยชำระเงินงวดสุดท้ายได้ถึงอายุ 65 ปี และเมื่อผู้กู้ยืมชำระหนี้งวดสุดท้ายเสร็จสิ้น กยศ.จะให้ส่วนลดเบี้ยปรับเดิมที่ตั้งพักไว้ทั้งหมด 100%
สำหรับการปรับโครงสร้างหนี้ดังกล่าวจะส่งผลให้ผู้กู้ยืมสามารถกลับมาชำระหนี้ได้ ปลดภาระผู้ค้ำประกัน และไม่ถูกฟ้องร้องดำเนินคดีหรือบังคับคดี แต่หากผู้กู้ยืมยังเพิกเฉย กยศ. มีความจำเป็นต้องดำเนินการตามกฎหมาย โดยดำเนินการฟ้องร้องดำเนินคดีและสืบทรัพย์บังคับคดี
อ่านข่าว กยศ.ย้ำ "เบี้ยวจ่ายหนี้" มีความผิดอาญา ดำเนินคดีแล้ว 40 คน
พบลูกหนี้บางคนเงินรายได้ 400,000 บาท
นอกจากนี้ กยศ.ยังตรวจพบว่ามีกลุ่มผู้กู้ยืมที่ผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งเป็นผู้มีความสามารถในการชำระหนี้ โดยเป็นผู้มีเงินฝากหรือมีรายได้สูงประมาณ 400,000 ราย
หากผู้กู้ยืมกลุ่มนี้ไม่ติดต่อชำระหนี้ หรือทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ กยศ. ก็จะดำเนินการฟ้องร้องดำเนินคดีและสืบทรัพย์บังคับคดีตามขั้นตอนของกฎหมาย
ดร.นันทวัน กล่าวอีกว่า กยศ.มีความจำเป็นต้องฟ้องร้องดำเนินคดีและสืบทรัพย์บังคับคดีตามกฎหมายกับผู้กู้ยืมที่ไม่ชำระหนี้ และไม่ทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้รัฐได้รับความเสียหาย
เนื่องจากเงินกู้ยืมเป็นเงินงบประมาณแผ่นดินที่มาจากภาษีของประชาชน และเป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อให้โอกาสทางการศึกษากับผู้ขาดแคลนและลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม โดยผู้กู้ยืมทุกคนมีหน้าที่ต้องชำระเงินคืนเพื่อให้เงินทุกบาทตกทอดแก่นักเรียน นักศึกษารุ่นต่อไปที่ยังรอโอกาสอีกจำนวนมาก
อ่านข่าว