เมื่อวันที่ 10 ก.พ.2568 ตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ เข้าตรวจค้นอาคารพาณิชย์ 2 ห้อง ต.ท่าสว่าง อ.เมือง จ.สุรินทร์ พบชาวเวียดนาม 2 คนอาศัยอยู่ภายใน หลังจากสืบทราบว่ามีแก๊งคอลเซนเตอร์เข้ามาพักอาศัยอยู่ใน จ.สุรินทร์ และพบว่าเดินทางมาหาชาวเวียดนาม 2 คน พร้อมกับยึดของกลางทั้งคอมพิวเตอร์ 1 เครื่อง เครื่องปริ้น 2 เครื่อง และจักรเย็บอุสาหกรรม 1 เครื่อง
พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 พร้อมด้วยรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 เดินทางมาติดตามคดีด้วยตนเอง โดยได้เรียกประชุมคณะพนักงานสอบสวน ซึ่งจากหลักฐานน่าเชื่อได้ว่าเชื่อมโยงกับแก๊งคอลเซนเตอร์ในฝั่งโอร์เสม็ด ประเทศกัมพูชา ก่อนลักลอบเข้ามาฝั่งไทย
จากการตรวนค้นพบอุปกรณ์ที่ใช้ในการปลอมแปลงพาสปอร์ตจำนวนมาก เตรียมจะส่งไปฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งเชื่อว่ามีทั้งชาวไทย เวียดนามและชาวจีนร่วมอยู่ในขบวนการทั้งแก๊งคอลเซนเตอร์และค้ามนุษย์
![](https://news.thaipbs.or.th/media/TSNBg3wSBdng7ijMhTpDiMS2Qtlhs3q8ZyNYDrqNRtz.jpg)
ปฏิบัติการณ์ครั้งนี้เกิดจากมีเหตุการณ์ชาวจีนกระโดดลงจากรถ หลังทราบชะตากรรมว่าถูกแก๊งคอลเซนเตอร์หลอกมาทำงาน ทราบชื่อคือ นายซู ลี อายุ 29 ปี ไปหลบซ่อนตัวอยู่ใต้สะพานลอย ตำรวจ สภ.เมืองสุรินทร์ ได้เข้าช่วยเหลือและทราบข้อมูลจากชายชาวจีนว่าจะถูกนำตัวมาหลบซ่อนที่อาคารพาณิชย์ รอให้ทำพาสปอร์ตเสร็จแล้วจะข้ามไปทำงานเป็นคอลเซนเตอร์ที่กัมพูชา ตำรวจจึงเฝ้าติดตามก่อนจับกุมชาวเวียดนามได้ 2 คน
เบื้องต้นแจ้งข้อกล่าวหา นำคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนพระราชบัญญัติ ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยเหลือด้วยประการใดๆ ให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม
ส่วนจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาอื่นๆ หรือไม่ ขณะนี้อยู่ระหว่างขยายผล รวมถึงผู้ร่วมขบวนการคนอื่น ๆ เพราะหวั่นว่า จ.สุรินทร์ จะกลายเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่ขบวนการคอลเซนเตอร์และค้ามนุษย์จะใช้เป็นพื้นที่พำนักเพื่อก่อเหตุ
ลอบขนน้ำมันข้ามเเดน 300 ลิตรเข้าเมียนมา
เจ้าหน้าที่ตั้งจุดตรวจจุดสกัดบริเวณฐานปฏิบัติการช่องทางต้นยาง บ้านเวียคะดี้ ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี โดยได้ตรวจยึดน้ำมันดีเซล 30 แกลลอน แกลลอนละ 30 ลิตร รวมน้ำมันดีเซลทั้งสิ้น 300 ลิตร
![](https://news.thaipbs.or.th/media/TSNBg3wSBdng7ijMhTpDiMS2Qtlhs3mlfjNNCI5oNu2.jpg)
นายสัมฤทธิ์ อายุ 38 เป็นผู้ขับขี่ ไม่สามารถนำเอกสารหลักฐานในการส่งออกน้ำมันดีเซลดังกล่าวมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ได้ เเละให้การรับสารภาพกับเจ้าหน้าที่ว่าซื้อน้ำมันดีเซลมาจากปั๊ม บริเวณสามแยกสังขละบุรี และจะลักลอบนำน้ำมันดีเซลดังกล่าวออกนอกราชอาณาจักร โดยอ้างว่าจะนำน้ำมันดีเซลไปให้วัด, โรงเรียน, ร้านค้า และสถานที่สำคัญในพื้นที่ บ.ฮะล็อกคะนี เพื่อเติมใส่เครื่องปั่นไฟฟ้า
เจ้าหน้าที่พิจารณาแล้วเห็นว่า การดำเนินการดังกล่าวไม่ได้ดำเนินให้ถูกต้องตามพิธีการทางศุลกากร จึงได้จับกุมผู้ต้องหา พร้อมทั้งตรวจยึดน้ำมันดีเซลส่ง สภ.สังขละบุรี เพื่อสอบสวนและดำเนินคดีตามกฎหมาย
ชาวเมียวดีต่อคิวข้ามแดนเติมน้ำมัน
ขณะที่ฝั่งเมียวดี มีภาพชาวเมียวดีจำนวนมากนำรถยนต์มาเข้าคิวรอข้ามพรมแดนแม่สอด จ.ตาก เพื่อเข้ามาเติมน้ำมันในฝั่งไทย ซึ่งเพจเฟซบุ๊ก Natty loves Myanmar นำมาเผยแพร่ สะท้อนให้เห็นภาวะขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิงในเมืองเมียวดี เป็นผลจากมาตรการตัดไฟฟ้า-น้ำมันในพื้นที่ชายแดน ทำให้ราคาน้ำมันในเมียวดีพุ่งสูงและหาซื้อยาก ชาวเมียนมาจำนวนมากจึงขับรถข้ามแดนเข้ามาเติมน้ำมันในเขต อ.แม่สอด
![](https://news.thaipbs.or.th/media/TSNBg3wSBdng7ijMhTpDiMS2Qtlhs3gtDHP3Mo7sFxt.jpg)
เช่นเดียวกับ อ.พบพระ บริเวณชายแดนไทย-เมียนมา มีชาวไทยและเมียนมานำรถยนต์มาเติมน้ำมันตามปั๊ม เพราะกังวลว่าน้ำมันจะขาดแคลน จากปัญหาที่เกิดขึ้นทำให้หน่วยงานต่าง ๆ เพิ่มมาตรการป้องกันการลับลอบนำน้ำมันเชื้อเพลิงข้ามพรมแดน แต่ก็ยังพบการกระทำความผิดต่อเนื่อง
ล่าสุดตรวจยึดน้ำมันดีเซลปริมาณ 200 ลิตร จำนวน 1 ถัง บริเวณชายแดน ต.ทุ่งหลวง อ.แม่ระมาด ซึ่งเจ้าของอ้างว่านำมาส่งให้กับลูกค้า แต่เจ้าหน้าที่สงสัยจะเป็นการส่งออกนอกประเทศ จึงคุมตัวไว้สอบปากคำ
ข้อมูลจากพลังงานจังหวัดตาก เปิดเผยว่า หลังการห้ามส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิงไปเมียนมา มีรถยนต์ป้ายทะเบียนเมียนมาเดินทางเข้าออกระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นเฉลี่ยวันละ 1,000 คัน จากเดิมวันละ 600 คัน ส่วนรถยนต์ป้ายทะเบียนไทยยังมีการเข้าออกเป็นปกติ
![](https://news.thaipbs.or.th/media/TSNBg3wSBdng7ijMhTpDiMS2Qtlhs3lMG7434Yj8ENH.jpg)
ผบ.ทบ.ตรวจเยี่ยมชายแดนไทย-เมียนมา
พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พร้อมด้วย พล.ต.อ. ธัชชัย ปิตะนีละบุต จเรตำรวจแห่งชาติ และคณะ เดินทางไปติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-เมียนมา ด้าน อ.แม่สอด จ.ตาก เมื่อวันที่ 10 ก.พ.
จุดแรกเป็นบริเวณจุดตรวจม่วงมี ต.ท่าสายลวด ซึ่งตรงข้ามกับเมืองเมียวดี โดย ผบ.ทบ.ได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับการขนส่งสินค้า และป้องกันการลักลอบขนส่งน้ำมัน จากนั้นเดินทางไปที่ท่า 34 ท่าข้ามของเอกชน ซึ่งฝั่งตรงข้ามเป็นเมืองชเวโก๊กโก่ แหล่งอาชญากรรมขนาดใหญ่ของกลุ่มสแกมเมอร์และคอลเซนเตอร์
สำหรับการลงพื้นที่ครั้งนี้ บางจุดได้ขอไม่ให้สื่อมวลชนติดตามเพราะกลัวเรื่องผลกระทบความมั่นคงและไม่ขอให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับสถานการณ์ในพื้นที่
อ่านข่าว
พบชาวเคนยาหลบหนีข้ามแดน อ้างถูกหลอกทำงานสแกมเมอร์
คุมเข้มชายแดน พบ "กาสิโน" ฝั่งพญาตองซูยังเปิด หลังไทยตัดไฟ
แม่ทัพภาคที่1 ถกผู้ว่ากาญจน์ฯ ปราบ“คอลเซนเตอร์ – ยาเสพติด”แนวชายแดน