วันนี้ (17 ก.พ.68) นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน และโฆษกพรรค กล่าวถึงการพิจารณาเรื่องจริยธรรม 44 สส.ของพรรคประชาชน กระทำการอันเป็นการจงใจฝ่าฝืนหรือไม่ ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง กรณีร่วมกันลงชื่อเสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ว่ายังคงเดินหน้า 2 เส้นทางคู่ขนาน คือ ทำหน้าที่ในฐานะฝ่ายค้าน ในการตรวจสอบรัฐบาลและให้ข้อเสนอแนะ และยืนยันว่า สส.อดีตพรรคก้าวไกล ที่กำลังถูกเชิญเข้าไปรับฟังข้อกล่าวหา ไม่ได้มีการกระทำที่ผิดมาตรฐานทางจริยธรรม
จะทำเต็มที่ในการใช้กระบวนการทางกฎหมายในการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ และสื่อสารอธิบายให้สังคมเข้าใจว่าสิ่งที่ สส.ทำลงไปหรือการรับฟังก็กล่าวหาไม่ได้มีอะไรที่ผิดมาตรฐานทางจริยธรรมตามข้อกล่าวหา
นายพริษฐ์ กล่าวถึงห้วงเวลาที่มีการเชิญ สส. เข้าไปให้ข้อเท็จจริงในช่วงใกล้การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า ไม่ว่าจะเชิญช่วงไหนรับทราบอยู่แล้วว่าจะมีการเชิญ จึงเตรียมความพร้อมในการแสดงความบริสุทธิ์ แต่มีความคาดหวังจากหน่วยงานที่ตรวจสอบ คือการปฎิบัติต่อทุกคดีอย่างทัดเทียม และเสมอภาค ไม่ใช่บางคดีมีความรวดเร็วกว่าบางคดี ติดตามเทียบขั้นตอนในการปฏิบัติ แต่ในมุมของภาคประชาชนไม่ว่าจะเร็วหรือช้าพร้อมพิสูจน์ยืนยันความบริสุทธิ์
นายพริษฐ์กล่าวว่า สิ่งสำคัญโดยเร่งด่วนของ ป.ป.ช. คือการทบทวนการแก้ไขปัญหาการทุจริต ซึ่งในภาพรวมคะแนนความโปร่งใสของประเทศไทยหรือ CPI คะแนนของประเทศไทยแย่ที่สุดในรอบ 12 ปี
ชี้เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาทุจริต ต้องทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และนี่ยังไม่นับรวมประเด็นที่สังคมตั้งคำถาม กระบวนการร้องเรียนกรรมการ ป.ป.ช. ที่ปรากฏคลิปที่เป็นข่าวอยู่ เห็นว่าบุคคลที่เกี่ยวข้องต้องตอบคำถามสังคมให้ชัดเจน
พรรคไม่ได้รอคำตัดสิน แต่จะทำอย่างเต็มที่เพื่อต่อสู้ และพิสูจน์เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของ สส.พรรคก้าวไกล เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของพรรคก้าวไกลหรือพรรคประชาชน แต่เป็นการยืนยันการเสนอร่างกฎหมายไม่ว่าเนื้อหาสาระจะเป็นสิ่งที่ที่สังคม หรือพรรคการเมืองอื่น เห็นด้วยหรือไม่
โดยยืนยันว่าเป็นสิทธิ์ที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมีอำนาจหน้าที่ในการกระทำ หากร่างกฎหมายฉบับใดถูกวินิจฉัยว่าเป็นไปตามรัฐธรรมนูญซึ่งมีกลไกอยู่แล้ว และไม่ควรนำไปสู่กรณี สส. ผู้เสนอร่างกฎหมายถูกดำเนินคดีฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง และนำไปสู่การตัดสินตลอดชีวิต
ในเวลานี้ไม่คิดว่าสิ่งที่จะคุยกัน คือจะทำอย่างไรหากเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น แต่ต้องทำความเข้าใจอย่างเต็มที่ว่าสิ่งที่ 44 คน ได้กระทำไปแล้วไม่ได้มีอะไรที่ กดเข้าข่ายการกระทำผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง
อ่านข่าว