วันนี้ (26 ก.พ.2568) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ลงพื้นที่ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน โดยได้เดินทางไปโบสถ์ชาบัด ซึ่งเป็นสถานที่ทำกิจกรรมทางศาสนาของชาวอิสราเอล ขณะที่นางออร์นา ซากิฟ เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย พร้อมด้วยนายเนเฮมยา วิลเฮม ผู้นำศาสนายูดาห์ในชุมชน ให้การต้อนรับ
นายอนุทิน กล่าวว่า การลงพื้นที่ในวันนี้เพื่อติดตามและรับฟังสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับนักท่องเที่ยวอิสราเอล ส่วนเรื่องความกังวลที่ปรากฏในโซเชียลมีเดียและมีการนำเสนอข่าวนั้น ตนได้สอบถามผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอนมาโดยตลอด ได้รับการยืนยันว่าการเสนอข่าวมีหลายประเด็นที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริง และไม่มีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการแทรกซึม หรือทำลายความมั่นคง หรือเข้ามาสร้างชุมชนเป็นแหล่งพักพิงของชาวต่างชาติ นอกเหนือจากคนที่มาท่องเที่ยว

แม้จะมีบางคนลงทุนตั้งถิ่นฐานในพื้นที่ แต่ได้รับการยืนยันว่าทุกคนเคารพกฎหมายของไทย อยู่ในระเบียบ ไม่ปฏิบัติตนเป็นภัยต่อคนในพื้นที่และสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างปกติ ทั้งนี้เชื่อว่าในช่วงเวลาที่ผ่านมาผู้ว่าราชการจังหวัดได้แก้ไขปัญหาเกี่ยวกับความกังวลในพื้นที่ อ.ปาย อีกทั้งตนยังได้พบกับนายอำเภอนอกรอบ เพื่อหารือถึงสถานการณ์และสอบถามว่ามีการใช้อิทธิพลหรือไม่ ซึ่งได้รับการยืนยันว่าปฏิบัติในกรอบของกฎหมายและไม่ทำตัวเป็นภัยของสังคม ไม่ว่าจะเป็นคนไทยด้วยกันเองหรือคนต่างชาติ
ขอยืนยันโดยเอาตำแหน่งของผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นประกัน ต้องไม่มีเรื่องการคุกคามชาวบ้าน ไม่มีขาใหญ่ ไม่มีนักเลง ไม่มีมาเฟีย หรือมาฟรีก็ไม่ได้ หากมาก็ต้องมาใช้เงินสร้างรายได้ให้กับคนในพื้นที่
นายอนุทิน ยังเชื่อว่าปัญหาเหล่านี้จะไม่เกินความสามารถของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหา แม้จะมีบางสิ่งที่ไม่ชอบใจตามวัฒนธรรมประเพณี บุคลิกภาพ หรือข้อจำกัดเรื่องศาสนา ก็ต้องมาพูดคุยและทำความเข้าใจกันทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อให้เกิดความสบายใจ แต่ยืนยันว่าทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฏหมายและจะต้องไม่มีการปฏิบัติใดๆ ที่ผิดกฎหมาย หรือทำให้วิถีชีวิตของประชาชนที่อยู่ใน อ.ปาย ได้รับผลกระทบหรือเกิดความเดือดร้อน

นายเนเฮมยา วิลเฮม ผู้นำศาสนายูดาห์ในชุมชน
นายเนเฮมยา วิลเฮม ผู้นำศาสนายูดาห์ในชุมชน
ทูตอิสราเอลขออย่าตีตรา-เร่งสร้างความเข้าใจนักท่องเที่ยว
ด้านนางออร์นา ซากิฟ เอกอัครราชทูตอิสราเอล ประจำประเทศไทย กล่าวว่า ช่วงก่อนสถานการณ์โควิด-19 มีนักท่องเที่ยวจากอิสราเอลมาประเทศไทยทุกปีประมาณ 200,000 คนและเพิ่มขึ้นเป็น 300,000 คนในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ซึ่งได้สอบถามนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ว่าเหตุใดถึงเดินทางมาท่องเที่ยวที่ประเทศไทย โดยทราบว่าประไทยมีความปลอดภัยและสวยงาม จึงอยากร้องขอคนไทยว่าอย่าถือโทษและตีตรานักท่องเที่ยวอิสราเอล อีกทั้งนักท่องเที่ยวอิสราเอลถือเป็นผู้ใช้จ่ายมือเติบ กระเป๋าตุง และพร้อมที่จะมาหาความสุขในประเทศไทย เพื่อลดความทุกข์ที่เกิดขึ้นในประเทศอิสราเอลได้บ้าง
นางออร์นา กล่าวอีกว่า แม้จะมีความแตกต่างทางวัฒนธรรม แต่สถานทูตเอกอิสราเอลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็พร้อมให้แนะนำกับนักท่องเที่ยวอิสราเอล เพื่อปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรมของไทยได้มากที่สุด พร้อมยอมรับว่ารู้สึกกังวลหลังเห็นป้ายไม่ต้อนรับชาวอิสราเอลใน อ.ปาย ตามโซเชียลมีเดีย หากไม่เร่งหาทางออก อาจเป็นการตอกย้ำถึงประวัติศาสตร์ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ของชาวยิวที่ถูกแบ่งแยกจากสังคม
ส่วนศาสนสถานของชาวยิวใน อ.ปาย ยืนยันว่าไม่ได้เป็นวัด ไม่ได้ตั้งขึ้นมาเพื่อรองรับชาวอิสราเอลโดยเฉพาะ แต่เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาสำหรับนักท่องเที่ยวที่เคร่งศาสนาและเดินทางมาเที่ยวในประเทศไทย โดยจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้เกิดความไม่สบายใจแก่ชาว อ.ปาย และจะไม่มีการสร้างมวลชนหรือชุมชนในระยะยาว

นางออร์นา ซากิฟ เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย
นางออร์นา ซากิฟ เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย
ผู้นำศาสนายูดาห์ลั่นประเทศไทยเป็นของคนไทย
ผู้นำศาสนายูดาห์ในชุมชน เปิดเผยว่า มูลนิธิชาบัดในประเทศไทยมี 6 แห่ง อยู่ที่กรุงเทพฯ จ.เชียงใหม่, จ.ภูเก็ต, เกาะสมุย, เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี และ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งจะมีพิธีสวดมนต์ทุกเย็นวันศุกร์ต่อเนื่องจนถึงเย็นวันเสาร์ และรับประทานอาหารร่วมกัน โดยทุกคนสามารถมาร่วมได้ แต่ต้องผ่านการตรวจสอบเรื่องความปลอดภัย พร้อมยืนยันว่าไม่มีการปักป้ายห้ามคนไทยเข้ามาในเขตมูลนิธิฯ
ที่ผ่านมาไม่เคยมีการร้องเรียนเรื่องปัญหาเสียงดังรบกวนชาวบ้าน แต่ในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมามีการปล่อยข่าวว่ามีชาวอิสราเอล 30,000 คน แต่ในความเป็นจริงมีชาวอิสราเอลอาศัยอยู่ที่ อ.ปาย เพียง 40-50 คนเท่านั้น แต่มีนักท่องเที่ยวประมาณ 30,000 คนต่อปีและจะอยู่เพียง 2-3 สัปดาห์
ส่วนที่มีกระแสข่าวพุ่งเป้าไปที่นักท่องเที่ยวอิสราเอลว่าจะยึด อ.ปาย ผู้นำศาสนายูดาห์ ระบุว่า รู้สึกเสียใจ แม้ว่าจะมีคนอิสราเอลที่เสียงดังและไม่ดีอยู่บ้าง แต่คนที่มาที่นี่ชอบประเทศไทย ชอบคนไทย และทุกครั้งที่คนอิสราเอลมาร่วมพิธีที่มูลนิธิฯ ตนจะเน้นย้ำให้เข้าใจถึงบริบทและวัฒนธรรมของประเทศไทย พร้อมยืนยันว่าคนอิสราเอลไม่ได้มีความเชื่อว่า อ.ปาย เป็นดินแดนพันธสัญญาตามหลักศาสนา

สำหรับโบสถ์ชาบัด ตั้งอยู่หลัง สภ.ปาย จากการสำรวจพบว่าด้านนอกมีรั้วสูง มีประตูมิดชิดและมีป้ายภาษาบูโครี แปลเป็นภาษาไทยว่า "ชาบัดปาย" ส่วนภายในมี 2 อาคาร อาคารแรกมี 2 ชั้นถูกใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนาในวันศุกร์และเสาร์ และอาคารอีกจุดใกล้กันเป็นบ้านพักสำหรับผู้นำศาสนาในชุมชน นอกจากนี้ยังมีเต็นท์ขนาดใหญ่ที่ก่อนหน้านี้มีภาพชาวอิสราเอลนั่งกินข้าวอยู่จำนวนมาก เจ้าหน้าที่ระบุว่าจุดนี้เป็นสถานที่สำหรับกินอาหารร่วมกันในวันที่มีการประกอบพิธิทางศาสนา
ส่วนจุดที่ถูกกล่าวหาว่ามีการสร้างห้องใต้ดินนั้น เจ้าหน้าที่พาลงไปสำรวจพบอยู่ระหว่างการก่อสร้าง แต่ไม่ใช่ห้องใต้ดิน เป็นห้องอาบน้ำแยกหญิงและชาย ขณะที่บ่อลึกคือสระน้ำศักดิ์สิทธิ์สำหรับจุ่มล้างตัว ซึ่งการสร้างสระดังกล่าวใช้แบบแปลนเดียวกันกับชาบัดที่กรุงเทพฯ ซึ่งสร้างเสร็จไปแล้วก่อนหน้า
อ่านข่าว
เร่งประสานส่ง 7,000 คน กว่า 20 สัญชาติ กลับประเทศต้นทาง
เหิม! จับเรือประมงเวียดนามรุกน่านน้ำไทย-พุ่งชน ร.ล.เทพา
รถทัวร์ดูงานพลิกคว่ำที่ "เขาโทน" จ.ปราจีนบุรี เสียชีวิต 17 คน เจ็บกว่า 30 คน