ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่ยุค "สังคมสูงวัย" อย่างเต็มรูปแบบ โดยมีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไป เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ข้อมูลปี 2567 จากสำนักงานสถิติแห่งชาติ เผยว่า มีผู้สูงอายุราว 14 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 20 ของประชากรทั้งหมด และคาดการณ์ว่าในปี 2576 จะเพิ่มเป็นร้อยละ 28
สะท้อนให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อสังคมหลายด้าน ทั้งภาระค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพที่เพิ่มขึ้น จำนวนแรงงานที่ลดลง ความต้องการบริการดูแลผู้สูงอายุที่มากขึ้น และการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างครอบครัวที่ทำให้ผู้สูงอายุอยู่ลำพังมากขึ้น
ในยุคนี้ ผู้สูงวัยจำนวนมากเลือกใช้ชีวิตบั้นปลายใน "บ้านพักคนชรา" ด้วยเหตุผลที่หลากหลาย ทั้งความเป็นอิสระ การไม่อยากเป็นภาระลูกหลาน การต้องการเพื่อนวัยเดียวกัน หรือการดูแลจากผู้เชี่ยวชาญตลอด 24 ชั่วโมง บ้านพักคนชราจึงเป็นเหมือน "บ้าน" อีกหลังที่มอบความอบอุ่นและความปลอดภัย การวางแผนชีวิตวัยเกษียณจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ควรเริ่มต้นตั้งแต่เนิ่น ๆ โดยเฉพาะเรื่องที่อยู่อาศัยและการดูแลสุขภาพ
ในประเทศไทย บ้านพักคนชรามีให้เลือก 2 รูปแบบหลัก ๆ คือ ของภาครัฐและเอกชน ทั้ง 2 รูปแบบมีจุดเด่นและข้อจำกัดที่แตกต่างกันไป การเลือกบ้านพักคนชราที่เหมาะสม จึงขึ้นอยู่กับความต้องการและงบประมาณของผู้สูงอายุและครอบครัว โดยควรพิจารณาถึงปัจจัยต่าง ๆ เช่น คุณภาพการดูแล ทำเลที่ตั้ง และค่าใช้จ่าย เพื่อให้ผู้สูงอายุได้รับการดูแลที่ดีที่สุดในบั้นปลายชีวิต

ภาพประกอบข่าว
ภาพประกอบข่าว
บ้านพักคนชราของรัฐ
สำหรับผู้สูงอายุที่ขาดแคลนที่อยู่อาศัยหรือต้องเผชิญชีวิตตามลำพัง รัฐบาลไทย โดยกรมกิจการผู้สูงอายุ ได้จัดตั้ง "ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุ (ศพส.)" หรือบ้านพักคนชราของรัฐ เพื่อให้การดูแลและสนับสนุนผู้สูงอายุกลุ่มนี้อย่างครบวงจร โดยมีศูนย์ฯ ทั้งหมด 12 แห่งทั่วประเทศ ให้บริการใน 2 รูปแบบหลัก ได้แก่
รูปแบบในสถาบัน ให้บริการที่พักอาศัยแบบเต็มเวลาแก่ผู้สูงอายุ มุ่งเน้นการดูแลผู้สูงอายุที่ไม่สามารถดูแลตนเองได้ หรือไม่มีผู้ดูแล จำนวน 11 แห่ง
- ศพส.บ้านธรรมปกรณ์ (เชียงใหม่) จำนวน 7 จังหวัด เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน พะเยา แพร่ น่าน และ ลำพูน
- ศพส.ลำปาง จำนวน 8 จังหวัด ลำปาง พิษณุโลก อุตรดิตถ์ ตาก สุโขทัย กำแพงเพชร พิจิตร และ เพชรบูรณ์
- ศพส.นครพนม จำนวน 13 จังหวัด นครพนม สกลนคร มุกดาหาร ยโสธร ร้อยเอ็ด อำนาจเจริญ อุดรธานี ขอนแก่น เลย หนองบัวลำภู กาฬสินธุ์ หนองคาย และ บึงกาฬ
- ศพส.วาสนะเวศม์ จํานวน 8 จังหวัด พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง ลพบุรี สระบุรี สิงห์บุรี ชัยนาท นครสวรรค์ และ อุทัยธานี
- ศพส.บุรีรัมย์ จํานวน 7 จังหวัด บุรีรัมย์ นครราชสีมา สุรินทร์ ศรีสะเกษ ชัยภูมิ มหาสารคาม และ อุบลราชธานี
- ศพส.ภูเก็ต จำนวน 5 จังหวัด ภูเก็ต พังงา กระบี่ ระนอง และ ชุมพร
- ศพส.ปทุมธานี จํานวน 6 จังหวัด ปทุมธานี นนทบุรี สุพรรณบุรี นครนายก นครปฐม และ กาญจนบุรี
- ศพส.สงขลา จํานวน 5 จังหวัด สงขลา พัทลุง ตรัง นครศรีธรรมราช และ สุราษฎร์ธานี
- ศพส.บ้านบางละมุง จํานวน 7 จังหวัด ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรีี
และ สระแก้ว - ศพส.บ้านทักษิณ จังหวัดยะลา จํานวน 4 จังหวัด ยะลา สตูล ปัตตานี และ นราธิวาส
- ศพส.บ้านบางแค จํานวน 7 จังหวัด กรุงเทพมหานคร ราชบุรี เพชรบุรี สมุทรสาคร สมุทรสงคราม สมุทรปราการ และ ประจวบคีรีขันธ์
รูปแบบ Day Center เป็นการให้บริการดูแลผู้สูงอายุแบบไป-กลับ ในเวลากลางวัน จำนวน 1 แห่ง คือ ศพส.ขอนแก่น เป็นหน่วยงานที่ให้บริการผู้สูงอายุในรูปแบบ Day Center โดยไม่มีบริการรูปแบบสถาบันแบบเต็มเวลา เหมาะสำหรับผู้สูงอายุที่ต้องการเข้าร่วมกิจกรรมทางสังคมและรับบริการดูแลในเวลากลางวัน แต่ยังสามารถกลับไปพักผ่อนที่บ้านได้ในเวลากลางคืน
ผู้สูงอายุที่มีความประสงค์เข้าใช้บริการในศูนย์ฯ ต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้
- มีอายุเกิน 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป และมีสัญชาติไทย
- ไม่เป็นผู้ต้องหาว่ากระทำผิดอาญา และอยู่ระหว่างการสอบสอบสวนของพนักงานสอบสวน หรืออยู่ระหว่างการพิจารณาคดีของศาล
- ไม่เป็นโรคติดต่อ ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ 2523
- สมัครใจ
- สามารถช่วยเหลือตนเองได้ในกิจวัตรประจำวัน
- ไม่มีอาการทางจิตที่รุนแรง หรือมีพฤติกรรมด้านลบที่จะส่งผลกระทบต่อผู้อื่น
- ไม่ติดสารเสพติด ไม่ติดสุรา
- กรณีคนเร่ร่อน ถูกทอดทิ้ง หรือไร้ที่พึ่ง ต้องผ่านกระบวนการตาม พ.ร.บ.คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง 2557 ก่อน เช่น การเยี่ยมครอบครัว/ชุมชน การหาอาชีพที่เหมาะสม เป็นต้น

ภาพประกอบข่าว
ภาพประกอบข่าว
ทั้งนี้ ผู้สูงอายุที่มีคุณสมบัติดังกล่าว ต้องเป็นผู้ประสบปัญหาความเดือดร้อนอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนี้
- ฐานะยากจน
- ไม่มีที่อยู่อาศัย
- ขาดผู้อุปการะ หรือผู้ให้ความช่วยเหลือดูแล
การสมัครเข้าใช้บริการ
- ในกรุงเทพมหานคร ให้ยื่นใบสมัครที่กรมกิจการผู้สูงอายุ หรือศูนย์ช่วยเหลือสังคม 1300
- ในส่วนภูมิภาค ให้ยื่นเรื่องที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด หรือศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุทุกแห่ง
หลักฐานในการสมัคร
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน (ถ้ามี)
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- ใบรับรองแพทย์พร้อมผลการตรวจเอ๊กซเรย์ปอด
- ภาพถ่าย (ถ้ามี)
อยู่บ้านพักคนชราของรัฐ มีค่าใช้จ่ายหรือไม่ ?
ต้องขึ้นอยู่กับประเภทของผู้ใช้บริการ ยกตัวอย่าง "บ้านบางแค"
- ประเภทสามัญ ให้การอุปการะเลี้ยงดูผู้สูงอายุโดยไม่ต้องเสียค่าบริการใด ๆ ทั้งสิ้น
- ประเภทเสียค่าบริการแบบหอพัก แบ่งออกเป็นห้องเดี่ยว เสียค่าบริการคนละ 1,500 บาทต่อเดือน และห้องคู่เดือนละ 2,000 บาท มีบริการทั้งหมด 40 ห้อง
- ประเภทพิเศษ (บังกะโล) เป็นบ้านเดี่ยวที่ปลูกสร้างตามแบบแปลนที่กำหนดในที่ดินของศูนย์พัฒนาฯ โดยผู้ปลูกสร้างสามารถพักอาศัยอยู่ได้จนถึงแก่กรรม
- ค่าบำรุงแรกเข้า 300,000 บาท เพื่อนำเงินดังกล่าวมาใช้ในการปรับปรุงซ่อมแซมบังกะโลที่จะเข้าพัก
- ค่าบริการรายเดือนกรณีพักคนเดียว เดือนละ 1,500 บาท และในกรณีเข้าพัก 2 คน เช่น คู่สามีภรรยา หรือพี่น้องเพศเดียวกัน เดือนละ 2,000 บาท
- ค่าน้ำประปา เดือนละ 100 บาทต่อคน และค่าไฟฟ้าคิดค่าใช้จ่ายตามจริง
บ้านพักคนชราของเอกชน
การเข้าพักในบ้านพักคนชราของเอกชนนั้น จะมีค่าใช้จ่ายแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นทำเลที่ตั้ง สิ่งอำนวยความสะดวก และคุณภาพการบริการ โดยทั่วไปแล้ว ค่าบริการอาจรวมถึงค่าอาหาร ค่าดูแลสุขภาพ กิจกรรมสันทนาการ และบริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ผู้ที่สนใจจะเข้าพักต้องพิจารณาปัจจัยหลาย ๆ อย่างที่มีผลต่อค่าใช้จ่าย ซึ่งถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ เช่น
- ทำเลที่ตั้ง บ้านพักคนชราที่ตั้งอยู่ในเขตเมืองหรือทำเลที่มีความสะดวกสบาย มักมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า
- สิ่งอำนวยความสะดวก บ้านพักคนชราที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เช่น สระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย หรือสวนหย่อม มักมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า
- คุณภาพการบริการ บ้านพักคนชราที่มีทีมแพทย์และพยาบาลผู้เชี่ยวชาญดูแลตลอด 24 ชั่วโมง มักมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า
- ประเภทห้องพัก ห้องพักรวมจะมีราคาถูกกว่าห้องพักส่วนตัว
- บ้านพักคนชราเอกชน ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นประมาณ 16,000-80,000 บาท/เดือน หรือมากกว่านั้น
หลังจากได้ข้อมูลเป็นที่พอใจแล้ว ควรติดต่อบ้านพักคนชราที่สนใจโดยตรง เพื่อสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับราคาและบริการ ควรพิจารณาตารางราคา โปรโมชัน และข้อเสนอพิเศษต่าง ๆ ตรวจสอบรายละเอียดของบริการที่ครอบคลุมในสัญญาด้วย บ้านพักผู้สูงอายุบางแห่งอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในส่วนของค่ายา ค่าหาหมอ ค่าเดินทางไปโรงพยาบาลในกรณีฉุกเฉิน ควรตรวจสอบรายละเอียดให้ถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจ

ภาพประกอบข่าว
ภาพประกอบข่าว
วางแผนปัจจุบัน เพื่อชีวิตในบั้นปลาย
การวางแผนบั้นปลายชีวิตในบ้านพักคนชราเป็นเรื่องที่ควรพิจารณาตั้งแต่เนิ่น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเตรียมความพร้อมด้านการเงิน แม้ว่าบ้านพักคนชราของรัฐบาลจะมีค่าใช้จ่ายต่ำหรือไม่มีค่าใช้จ่าย แต่ก็ยังมีค่าใช้จ่ายส่วนตัวและค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอื่น ๆ ที่ต้องเตรียมไว้ เช่น ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ค่าใช้จ่ายในการซื้อของใช้ส่วนตัว หรือค่าใช้จ่ายในการเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ในขณะที่บ้านพักคนชราเอกชนมีค่าใช้จ่ายรายเดือนที่ค่อนข้างสูง ซึ่งอาจแตกต่างกันไปตามระดับของบริการและสิ่งอำนวยความสะดวก
การคำนวณเงินเก็บที่จำเป็นสำหรับการใช้ชีวิตในบ้านพักคนชราเมื่ออายุ 60 ปีนั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ค่าใช้จ่ายรายเดือนที่คาดการณ์ อายุขัยเฉลี่ย และอัตราเงินเฟ้อ โดยทั่วไปแล้ว ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินแนะนำให้เตรียมเงินสำรองสำหรับค่าใช้จ่ายอย่างน้อย 10-15 ปี เพื่อให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในช่วงบั้นปลายชีวิต
เช่น หากคาดว่าค่าใช้จ่ายรายเดือนจะอยู่ที่ 20,000 บาท และมีอายุขัยเฉลี่ย 80 ปี จะต้องเตรียมเงินสำรองไว้ประมาณ 2.4-3.6 ล้านบาท (20,000 บาท x 12 เดือน x 10-15 ปี)
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขนี้เป็นเพียงการประมาณการเบื้องต้น และอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ดังนั้น ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินเพื่อวางแผนการเงินที่เหมาะสมกับสถานการณ์ของตนเอง และควรเริ่มวางแผนการออมเงินตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อให้มีเงินสำรองเพียงพอสำหรับการใช้ชีวิตในบั้นปลายชีวิตอย่างมีความสุข

ภาพประกอบข่าว
ภาพประกอบข่าว
อ่านข่าวอื่น :
ใครบ้างเสี่ยง? เช็กอาการไข้อีดำอีแดงระบาดในโรงเรียน
ความดันดี = ชีวิตดี เคล็ดลับดูแลให้ค่าความดันเป๊ะ ก่อนต้องพึ่งยา