ปัจจุบันปัญญาประดิษฐ์ หรือ “ AI” กลายเป็นเทคโนโลยีที่จะเข้ามาเป็นวิถีชีวิตของทั้งโลกเกือบทุกด้าน และสร้างความตื่นตระหนกให้ผู้คนที่มีความเชื่อว่า “AI” จะเข้ามาแทนที่ทำให้คนตกงาน …แต่ทว่าในปัจจุบันยังมีเรื่องความปลอดภัยจาก “มนุษย์” ที่ใช้ AI หลอก “มนุษย์” ด้วยกัน
หลายหน่วยงานต่างตื่นตัวป้องกัน และให้ความรู้กับคนทั่วไปไม่ให้ตกเป็นเหยื่อให้กับกลุ่มมิจฉาชีพ เช่นเดียวกับ “ซันนี่ จาวลา” ยูทูบเบอร์ด้านเทคโนโลยี และยังเป็นเจ้าของช่อง “Sunnylogy” ที่ให้ความรู้ในการระวังตัวจากมิจฉาชีพไซเบอร์ จึงเป็นที่มาในการพูดคุยใน “รายการคุยนอกกรอบ กับ สุทธิชัย หยุ่น”
เกือบ 2 ปี การเปิดช่องยูทูบ “Sunnylogy” นอกจากคนทั่วไปจะได้เรียนรู้การใช้ประโยชน์จาก AI ยังได้รู้ถึงภัยอันตรายที่แฝงมาในรูปแบบอาชญากรรมทางไซเบอร์ (Cybercrime การกระทำความผิดทางกฎหมายโดยใช้คอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เป็นเครื่องมือในการก่อให้เกิดความเสียหาย และ หรือแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวโดยมิชอบด้วยกฎหมาย)

แม้จะเรียนจบด้านธุรกิจ แต่ด้วยความที่เป็นคนชอบเทคโนโลยี “ซันนี่ จาวลา” ตัดสินใจศึกษาด้านเทคโนโลยีอย่างจริงจัง ประกอบกับความชอบมายากล ต่อยอดมาศึกษาด้านจิตวิทยา ยิ่งทำให้เห็น AI ในหลากหลายแง่มุม
คอนเทนต์ช่อง “Sunnylogy” ความรู้-เตือนภัยมิจฉาชีพ
1. การให้ความรู้ AI ที่เกิดขึ้นใหม่ ๆ สามารถนำไปใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง
“เวลาเล่าเรื่องผมจะไม่มาเล่าว่า AI คืออะไร ทำอะไรได้บ้าง แต่จะบอกว่า AI ออกมาใหม่แล้ว จะนำไปต่อยอดใช้ในธุรกิจของเราอย่างไรบ้าง เช่น AI ทำเพลง เพลงจะเกี่ยวอะไรกับคุณครู เพลงจะเกี่ยวอะไรกับนักธุรกิจ เพลงจะเกี่ยวอะไรกับเจ้าของโรงแรม ซึ่งหากคุณเป็นเจ้าของโรงแรม คุณนำ AI ไปทำเพลงใช้ในสปาคุณได้นะ โดยที่ลิขสิทธิ์เป็นของคุณ คุณเป็นคุณครู คุณอยากทำเพลง ก-ฮ ในสไตล์ของคุณเอง คุณก็ใช้ AI ทำเพลงได้”
2. อีกด้านจะเป็นเรื่องการเตือนภัยมิจฉาชีพ ที่มีการใช้เทคโนโลยี AI มาหลอกลวง “ซันนี่” มองว่า การหลอกลวงมีมานานแล้ว ซึ่งก็เกิดจาก “รัก โลภ หลง” เพียงแต่ปัจจุบันมีเทคโนโลยีเข้ามาทำให้การทำงานของมิจฉาชีพง่ายขึ้น เร็วขึ้น เนียนขึ้น ประกอบกับมีข้อมูลของเรามากขึ้น ที่ขายกันในเว็บใต้ดิน ดังนั้นเมื่อมิจฉาชีพมีข้อมูล โทรหาเราและบอกข้อมูลได้ถูกต้อง ทำให้เกิดความน่าเชื่อถือที่จะหลอกเราได้ แม้กระทั่งในตอนนี้ที่สามารถวิดีโอคอลมาเป็นหน้าของเจ้าหน้าที่ได้ “ความน่ากลัวคือในอนาคตจะดูได้ยากขึ้น สายตามนุษย์จะไม่สามารถแยกออกได้”

“หากมีบุคคลติดต่อมาโดยทำทีเป็นบุคคลในครอบครัว เพื่อน หรือคนสนิท สร้างสถานการณ์สมมุติต่าง ๆ ให้หลงเชื่อเพื่อให้โอนเงิน เทคนิคง่าย ๆ ที่ไม่ต้องใช้เทคโนโลยี จะต้องมีโค้ด หรือข้อมูลที่รู้กันเฉพาะกับบุคคลนั้น เช่น เมื่อวานเราไปกินข้าวร้านนั้นกันมาอร่อยมาก ๆ หากมิจฉาชีพตอบกลับมาว่า “อร่อยมาก” เราก็จะรู้ทันที เพราะเมื่อวานเราไม่ได้ไปกินข้าวด้วยกัน หรือเป็นการถามในลักษณะต่าง ๆ ที่จะทำให้เราสามารถจับผิดคนที่โทรมาหาเราได้ว่าเป็นคนที่เรารู้จักจริง หรือมิจฉาชีพ”
“AI” และ “หุ่นยนต์” วิวัฒนาการความฉลาด
ถ้าพูดถึงเทคโนโลยีในอดีตที่เราเห็นชัด ก็คือ “หุ่นยนต์” ที่ถูกนำมาใช้ในระบบอุตสาหกรรมกว่า 30-40 ปี แต่หุ่นยนต์เหล่านั้นก็เป็นการขับเคลื่อนด้วยการผลิตติดตั้งโปรแกรมล่วงหน้าเพื่อทำงานตามที่ต้องการ แต่เมื่อมี AI ศักยภาพของหุ่นยนต์อาจจะถึงขั้นมีความคิดเอง เรียนรู้เพิ่มเติมได้เอง ทำงานได้มากขึ้น และสามารถคอนโทรลได้จากอีกซีกโลก สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตคือวิวัฒนาการความฉลาดของหุ่นยนต์ AI จะทำงานได้โดยไม่ต้องมีใครควบคุม

“ลองคิดดูว่าถ้าเกิดต่อไปเอาระบบสมองความฉลาด ใส่ในหมาหุ่นยนต์ ผมเรียกเขาให้เดินตาม เขาก็จะเดินตามทันที เหมือนกับเป็นการพูดคุยกันได้ ซึ่งเท่าที่เห็นในขณะนี้มีบางประเทศใส่คำสั่ง AI ในหมาหุ่นยนต์ เช่น อาวุธสู้รบต่าง ๆ ออกไปสู้รบ ลดการสูญเสียมนุษย์ ใช้หมาหุ่นยนต์ไปลาดตระเวน โดยมีเจ้าหน้าที่นั่งคอนโทรลอยู่ที่ห้อง”
AI ก้าวล้ำกว่าปัญญามนุษย์ “ปัญหาโลก”
..ถ้าถามว่าเป็นห่วงหรือไม่ว่า AI จะฉลาดไปเรื่อย ๆ จะเก่งกว่ามนุษย์ จนถึงทำอาวุธสั่งให้ฆ่าคนโดยไร้ศีลธรรม ไร้จรรยาบรรณ… เป็นเรื่องที่ทั้งโลกคุยกัน “ซันนี่” มองว่า เราไม่ต้องรอให้ถึงจุดนั้น หากวันนี้มีความรู้เรื่องโปรแกรม คุณใช้ AI ได้ คุณสามารถให้ AI คิดค้นนวัตกรรม คิดค้นสูตรทางเคมี คิดค้นยาดี ๆ ได้ แต่ถ้ามีคนคิดไม่ดีด้วยเทคโนโลยีเดียวกัน - เขาก็จะสามารถคิดค้นยาพิษสูตรใหม่ที่มนุษย์ไม่เคยเห็น ที่ตรวจสอบได้ยากขึ้น
ตอนนี้หลายประเทศมีความพยายามเข้ามาดูแลควบคุม แต่เนื่องจากเป็นสิ่งใหม่ที่จะต้องมีการบาลานซ์ เพราะหากคุมมากเกินไป จะไม่เกิดการพัฒนา แต่หากปล่อยแบบอิสระเสรีก็จะเกิดภัยตามมา ดังนั้นกฎกติกาที่จะวางไว้จะต้องเป็นแบบไหน จะต้องคิดในรอบด้าน

ขณะที่ในประเทศไทย “ซันนี่” มองว่า จะต้องมีรัฐมนตรีด้าน “AI” เพราะไม่ใช่แค่เพียงการควบคุม แก้ปัญหา เฝ้าระวัง แต่ยังสามารถกระตุ้น GDP ของประเทศขึ้นได้ ด้วยการเกิด AI ขึ้นใหม่เรื่อย ๆ หากเราสามารถที่จะพัฒนาได้ก่อนจะได้เปรียบคู่แข่ง รวมถึงการดันหลักสูตร AI เข้าสู่ตั้งแต่ระดับประถมศึกษา
“ถ้าวันนี้เด็กจบมา เด็กคนหนึ่งใช้ AI เป็น กับเด็กอีกคนที่ไม่เคยใช้ AI เลย ประสิทธิภาพไม่เหมือนกัน ประสิทธิผลก็อาจจะไม่เหมือนกัน”
..แน่นอนว่าสังคมมีความตื่นกลัวว่าจะ “ตกงาน”.. นั่นก็เพราะหากมีพนักงาน 1 คน ใช้ AI เป็น จะมีประสิทธิผลเทียบเท่ากับพนักงานประมาณ 10-15 คน แต่ เราไม่สามารถต้านได้ เพราะอย่างไร AI ก็ต้องมา ดังนั้นถ้าเราไม่พัฒนาตัวเอง ประเทศเราก็จะตามหลังประเทศอื่น ๆ ยิ่งทำให้การจ้างงานลดลง
ให้ลองนึกกลับกันว่า ถ้าเราไม่ใช้ แต่คู่แข่งเราใช้ ไม่ใช่ AI ที่ทำให้เราตกงานนะ แต่คู่แข่งที่ใช้ ราคาเขาดีกว่า งานเขาเร็วกว่า สุดท้ายเขาก็ต้องได้งานมากกว่า ดังนั้นมันอยู่ที่ว่าเราจะพัฒนาตัวเองให้เรียนรู้หรือไม่
..ถ้าถามว่าจะเชื่อการทำงานของ AI ได้แค่ไหน.. “ซันนี่” มองว่า เราต้องรู้ว่าเราต้องการคำตอบแบบไหนจาก AI ขึ้นอยู่กับข้อมูลที่ป้อนเข้าไปมากน้อยแค่ไหน อย่างเรื่องของการสร้างกลยุทธ์การเปิดตัวของสินค้า เราสามารถเกริ่นบริบทบอกก่อนได้ว่าจะเปิดตัวโปรดักส์อะไร ข้อดีข้อเสียของโปรดักส์ คู่แข่งเป็นแบบไหน และคุณต้องคำนึงด้วยว่าผมจะเปิดตัวในประเทศไทย บางทีเราไม่บอกเขา บางครั้งเขาเอากลยุทธ์การตลาดที่ดีแต่เป็นของต่างประเทศมาบอก
“สิ่งที่คนชอบเข้าใจผิด การที่พิมพ์ข้อมูลให้ AI ไม่อยากให้คิดว่าจะได้คำตอบที่ครอบคลุมทั้งหมด เพราะสุดท้ายการตกผลึกจะต้องมาจากตัวเราเอง อยากให้คิดว่า AI เข้ามาเป็นผู้ช่วย ไม่ใช่เป็นเจ้าของ”
การศึกษา ดาบสองคม กับ AI
..หากใช้กับการศึกษาตั้งแต่เด็ก จะอันตรายหรือไม่.. เปรียบเหมือนดาบสองคม เพราะหากเขารู้หลักการอยู่แล้ว ว่าคำตอบทำอย่างไร เขาใช้ในเชิงที่ดี เช่น ลองทำข้อสอบแล้วเขาทำไม่ได้ เขาจะไปถามคนในบ้าน มันเป็นเรื่องที่ตอบไม่ได้ แต่ถ้าถาม AI ช่วยตอบ อันนี้เป็นสิ่งที่ดี ซึ่งก็ดีกว่าการที่เขารู้คำตอบแล้วก็ใช้เลย โดยไม่หาที่มาของคำตอบ ก็ต้องยอมรับว่าสุดท้ายว่าเด็กคนนั้นก็จะไม่ฉลาด
“ฉะนั้นถ้าเกิดผมเป็นคุณครู เด็กใช้ AI หรือไม่ใช้ ผมไม่ว่าเลย แต่ผมจะบอกว่างั้นอธิบายให้ฟังหน่อยว่าคำตอบมาจากอะไร คุณใช้สูตรไหน เพราะเขารู้ว่าอาจารย์บังคับให้เขาตอบแบบนี้ ต่อให้เขาใช้ AI ก็จริง แต่เขาต้องไปเรียนรู้ว่าคำตอบมาจากไหน ในที่สุดเขาก็จะได้เรียนรู้ขั้นตอนต่อไปเรื่อย ๆ”

มองภาพรวมในอนาคตของประเทศไทย กลุ่มคนที่ใช้ AI จะมีการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล กับทุกเพศทุกวัย ทุกอาชีพ และไม่ใช่เฉพาะแค่พิมพ์ถาม แต่ยังสามารถช่วยคิดค้นอะไรต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ ขณะที่การหลอกลวงทางไซเบอร์ก็จะเพิ่มขึ้นด้วย ..ถามต่อว่าการเมือง การคอร์รัปชันจะน้อยลงหรือไม่… “ซันนี่” บอกว่า การเมืองอยู่ที่ตัวบุคคลไม่สามารถเปลี่ยนได้ แต่ AI สามารถนำมาปรับใช้ได้ ในเรื่องการตรวจสอบความถูกต้อง งานประมูลต่าง ๆ
“หากประเทศไทยเราไม่ตั้งใจศึกษาเรียนรู้ ปรับปรุงใช้ AI อย่างชาญฉลาด บ้านเมืองไปไม่รอดจริง ๆ” ซันนี่ จาวลา ทิ้งท้าย
พบกับ : รายการคุยนอกกรอบกับสุทธิชัย หยุ่น ทุกวันพฤหัสบดี เวลา 21.30-22.00 น.ทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส