นับตั้งแต่นี้ต่อไป ยุโรปต้องรวมพลรวมพลังเพื่อรักษาเอกภาพแห่งดินแดนของยูเครน เพราะอนาคตของยูเครนมีผลโดยตรงต่อความมั่นคงของทั้งทวีปยุโรป หลังจากเหตุการณ์อื้อฉาวจากการปะทะคารมระหว่าง "โดนัลด์ ทรัมป์" ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา กับ "โวโลดีมีร์ เซเลนสกี" ประธานาธิบดียูเครน ทำให้ผู้นำสหภาพยุโรปต้องหาทางออกใหม่ เพราะยูเครนไม่สามารถพึ่งพาสหรัฐอเมริกาได้เหมือนก่อน
ตอนพบกันที่ทำเนียบขาว ทรัมป์กล่าวหาเซเลนสกีว่า “ไม่รู้จักบุญคุณ” ต่อความช่วย เหลือที่สหรัฐอเมริกาให้มาตลอดสามปีที่ผ่านมา การเผชิญหน้าครั้งนี้ทำให้ยุโรปต้องตื่นตัวและหันมาพึ่งพากันเองมากขึ้น เนื่องจากทรัมป์ไม่ได้สร้างความมั่นใจให้กับพันธมิตร และสามารถเปลี่ยนท่าทีได้อย่างรวดเร็ว

ตัวอย่างเช่น ในการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ เมื่อเร็วๆนี้ สหรัฐอเมริกากลับไปอยู่ข้างเดียวกับรัสเซียในการลงมติเกี่ยวกับแนวทางแก้ไขปัญหาในยูเครน ซึ่งรวมถึงข้อเรียกร้องให้รัสเซียถอนกำลังทหารออกไป ทำให้สมาชิกองค์การสหประชาชาติตกตะลึง
ขณะนี้ อังกฤษและฝรั่งเศสได้แสดงเจตจำนงพร้อมจะส่งกองกำลังรักษาสันติภาพไปยังยูเครน หลังจากที่ผู้นำทั้งสองประเทศได้หารือกันเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ต้องการใช้โอกาสนี้แสดงวิสัยทัศน์ในการปกป้องความมั่นคงของยุโรป และแสดงความพร้อมในการให้เงินกู้จำนวนมหาศาลเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมของยูเครนเมื่อสงครามยุติ
ในช่วง 5 สัปดาห์ที่ผ่านมา ทรัมป์ได้เปลี่ยนนโยบายต่างประเทศของสหรัฐอเมริกาอย่างถอนรากถอนโคน รวมถึงท่าทีต่อยูเครน ทรัมป์ต้องการยุติสงครามยูเครนโดยเร็วที่สุดผ่านการทำข้อตกลงกับประธานาธิบดีวลาดีมีร์ ปูติน โดยไม่ได้ปรึกษายูเครนหรือประเทศอื่นในยุโรปก่อน
เบื้องลึกแล้ว ทรัมป์พยายามกดดันเซเลนสกีเพื่อให้สหรัฐฯ มีสิทธิในรายได้จากทรัพยากรแร่ของยูเครน ซึ่งมีมูลค่ามหาศาล
ในการหาเสียงเลือกตั้งเมื่อปีที่แล้ว ทรัมป์เคยสัญญาว่าเขาเป็นผู้นำเพียงคนเดียวที่สามารถสร้างสันติภาพในยูเครนได้ แต่ขณะนี้ความฝันนั้นได้พังทลาย เพราะเซเลนสกียังไม่ยอมทำตามที่ทรัมป์ต้องการ ยูเครนปฏิเสธข้อเสนอของทรัมป์ที่เอื้อประโยชน์ต่อรัสเซีย โดยเฉพาะในประเด็นเรื่องดินแดนที่รัสเซียยึดครองไปในอดีตและช่วง 3 ปีที่ผ่านมา

เซเลนสกีเปิดเผยว่า ที่ผ่านมา ยูเครนได้ทำข้อตกลงหยุดยิงกับปูตินถึง 27 ครั้ง แต่รัสเซียละเมิดทุกครั้ง
หากสงครามรัสเซีย-ยูเครนยุติลงภายในปีนี้ ความจำเป็นในการมีกองกำลังรักษาสันติภาพเพื่อปกป้องเขตแดนระหว่างยูเครนกับรัสเซียจะเป็นประเด็นสำคัญ คำถามคือ กองกำลังนี้ควรมาจากประเทศใด? แน่นอนว่า ยุโรปต้องมีความรับผิดชอบโดยตรง การประชุมสุดยอดที่กรุงลอนดอนเมื่อสัปดาห์ที่แล้วตอกย้ำว่า ยุโรปต้องทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องความมั่นคงของยูเครน

คำถามต่อไปคือ เป็นไปได้หรือไม่ที่กองกำลังรักษาสันติภาพจะมาจากประเทศนอกยุโรป เช่น เม็กซิโกหรืออินโดนีเซีย? กองทหารจากประเทศเหล่านี้อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ดีกว่ากลุ่มยุโรป เพราะไม่มีประวัติการเป็นคู่ขัดแย้งหรือทำสง ครามกับรัสเซีย
ในทางกลับกัน การให้กองกำลังรักษาสันติภาพมาจากสมาชิกนาโต้ โดยตรง อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงและนำไปสู่การเผชิญหน้าทางทหาร ซึ่งอาจลุกลามเป็นสงครามระหว่างยุโรปกับรัสเซีย
ในอนาคต โอกาสที่ประเทศในโกลบอลซาวต์ (Global South) จะมีบทบาทด้านความมั่นคงในยุโรปมีแนวโน้มสูงขึ้น ปัจจุบัน นโยบายต่างประเทศของสหรัฐอเมริกาขาดความแน่นอนและกลับไปกลับมา ทำให้พันธมิตรและประเทศที่เคยใกล้ชิดกับสหรัฐฯ ต้องเริ่มมองหาทางเลือกใหม่ และปรับตัวให้เข้ากับสภาพภูมิรัฐศาสตร์ที่เปลี่ยนแปลงไป
มองเทศ คิดไทย : กวี จงกิจถาวร สื่อมวลชนอาวุโส
อ่านข่าว : "ราชทัณฑ์" แจงปมอุยกูร์ ไม่เคยเขียนส่งจม.ออกจากเรือนจำ