วันนี้ (3 มี.ค.2568) คณะอนุกรรมการกลั่นกรองด้านอาชญากรรมระหว่างประเทศและอาชญากรรมพิเศษ นำโดย ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะประธานอนุกรรมการ ร่วมประชุมกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และเจ้าหน้าที่ผู้แทน 4 หน่วย ประกอบด้วย สำนักงานอัยการสูงสุด, สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ร่วมประชุมเกี่ยวกับคดีฮั้วเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ปี 67 เพื่อพิจารณากรอบอำนาจ และฐานความผิดคดีอาญาก่อนนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ในวันที่ 6 มี.ค.2568
- กกต.แจงคดีฮั้วเลือก สว.ไม่ได้นิ่งเฉย ชงศาลฎีกาแล้ว 3 คดี
- "ดีเอสไอ" เตรียมสอบ 1,200 รายชื่อพยานคดีฮั้วเลือก สว.
ร.ต.อ.สุรวุฒิ เปิดเผยว่า วันนี้มีการพูดคุยแนวทางในการพิจารณา คือ เรื่องที่เสนอนั้น เป็นการกระทำความผิดอาญาหรือไม่ และในฐานความผิดใด ซึ่งตามเดิมจะเป็นความผิดฐานอั้งยี่ ฟอกเงิน และ ม.116 ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐ ซึ่งที่ประชุมพบความผิดชัดเจน
ส่วนความผิดในข้อหาการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา หรือ สว.จะเป็นอำนาจหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ในการดำเนินการ ส่วนบอร์ดจะมีความเห็นอย่างไร อนุกรรมการฯไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจ และจะต้องลงมติ 2 ใน 3 โดยอาจมีความอาจมีความเห็นแย้งกับคณะอนุกรรมการฯได้
ส่วนการจะพิจารณาประเด็น รายชื่อ 1,200 รายชื่อ ที่มีการเผยแพร่ก่อนหน้านี้ ยืนยันว่า เอกสารหลักฐานดังกล่าวไม่ได้ถูกเปิดเผยจาก กรมสอบสวนคดีพิเศษ ส่วนจะมีต้นทางมาจากที่ใดไม่สามารถตอบได้ ส่วนจะมีการนำรายชื่อดังกล่าวมาตอบตรวจสอบหรือไม่คงต้องรอให้มีการรับคดีนี้เป็นคดีพิเศษก่อนจึงจะอำนาจตรวจสอบข้อเท็จจริง
สำหรับการประชุมวันนี้ ได้มีการนำรายละเอียดของพยานหลักฐานทั้งหมด ที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้มาพิจารณา ในสำนวนการสืบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษมาพิจารณาว่าการกระทำดังกล่าว เข้าข่ายความผิดใดบ้าง
แนวทางการทำงานหลังมีการพิจารณาของบอร์ด กคพ. หากรับเป็นคดี กรมสอบสวนคดีพิเศษร่วมกับสำนักงานอัยการสูงสุดจะมีการตั้งคณะกรรมการคดีพิเศษ เพื่อทำคดีนี้ แต่หากไม่รับเป็นคดีพิเศษ ก็จะมีการส่งสำนวนต่อ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการ ตามอำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
ด้านนายนาเคนทร์ ทองไพวัลย์ อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด ระบุว่า การที่พิสูจน์พยานหลักฐานทั้งหมด มาจาก กรมสอบสวนคดีพิเศษเป็นหลัก ทำให้ที่ประชุมเชื่อได้ว่า น่าจะมีความผิดทางอาญาเกิดขึ้นตามความผิดฐานพ.ร.ป. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสว. ซึ่งส่วนนี้จะมีการนำเสนอที่ประชุมกคพ.พิจารณาอีกครั้ง
อ่านข่าว : "สว.สำรอง" แฉขบวนการฮั้่วเลือก สว. เผยมีโพยอยู่หลัง "ใบ สว. 3"
"สว.สำรอง" บุกสภาฯ ร้องสอบจริยธรรม สว.เข้าชื่อถอด "ทวี-ดีเอสไอ"
ยื่น ป.ป.ช.ฟันจริยธรรม "ทวี-อธิบดีดีเอสไอ" ปมกล่าวหาฮั้วเลือก สว.