ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

โลกร้อน + ฝุ่น PM 2.5 กระทบเหล่า "แมลง" ตัวจิ๋ว แค่ไหน

สิ่งแวดล้อม
9 มี.ค. 68
09:00
151
Logo Thai PBS
โลกร้อน + ฝุ่น PM 2.5 กระทบเหล่า "แมลง" ตัวจิ๋ว แค่ไหน
โลกร้อนและมลพิษทางอากาศไม่ได้กระทบแค่ "มนุษย์" เท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อ "แมลง" ตัวจิ๋ว ทั้ง พฤติกรรม การหาอาหาร และการผสมพันธุ์ ท่ามกลางวิกฤตอากาศ พวกมันจะปรับตัวอย่างไรเพื่อเอาชีวิตรอด
"แมลงตัวนั้นตัวนี้มีเยอะมากมาย... ดูไปก็รักรักมันทุกตัว" .... ไดทิสสิด ไดทิสสิด ไดทิสสิด คือ ด้วงดิ่ง  ....แลมไพริด แลมไพริด แลมไพริด คือ หิ่งห้อย  ....ซิคาดิด ซิคาดิด ซิคาดิด คือ จั๊กจั่น 

ยังจำได้ไหม "แมลง" เพลงดังในอดีตจากนักร้อง "ทาทา ยัง" ที่ยังคงก้องอยู่ใน "หู" และอยู่ใน "ใจ" ใครหลายคน ท่วงทำนองที่สนุกสนาน และเนื้อเพลงสุดน่ารักที่เอ่ยถึง " แมลง" หลากชนิด แม้อาจไม่คุ้นหูคนรุ่นใหม่ แต่สำหรับใครที่เติบโตมาในยุค 90 นี่คือหนึ่งในเพลงฮิตที่ยังคงอยู่ในความทรงจำ

"แมลง" อาจไม่ใช่ตัวเอกที่ถูกพูดถึงบ่อยนัก แต่กลับมีบทบาทสำคัญต่อธรรมชาติ ทั้งช่วยผสมเกสร และเป็นหนึ่งในห่วงโซ่อาหาร โลกใบนี้มีแมลงนับล้านชนิด บ้างเดิน บ้างคลาน บ้างบินโฉบไปมา 

การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศส่งผลต่อแมลง บางชนิดได้ประโยชน์ เช่น ยุง ที่ชอบอากาศอบอุ่น ทำให้แพร่พันธุ์มากขึ้น ขณะที่แมลงอย่างผึ้งกลับได้รับผลกระทบในทางตรงกันข้าม 

อากาศที่แปรปรวน ดอกไม้ที่บานผิดฤดู ทำให้หาน้ำหวานยากขึ้น และอาจลดจำนวนลง กระทบต่อการผสมเกสรและการเติบโตของพืช เห็นได้ว่า แมลงตัวเล็ก แต่เรื่องราวของพวกมันไม่เล็กเลย

ไทยพีบีเอสออนไลน์ พาไปเปิดโลกของ "แมลง" กับ ดร.แก้วภวิกา จิตธรรมมา อิกเนเชียส นักกีฏวิทยาชำนาญการพิเศษ กลุ่มงานกีฏวิทยาและจุลชีววิทยาป่าไม้ สำนักวิจัยการอนุรักษ์ป่าไม้และพันธุ์พืช เพื่อไขข้อสงสัยว่า ภาวะโลกร้อน ฝุ่น PM 2.5 และสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนไป ไม่ได้กระทบแค่ "มนุษย์" และ "สัตว์" ตัวโต

แต่ "แมลง" ตัวจิ๋วเหล่านี้ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน ชวนมาหาประสบการณ์น่ารู้เกี่ยวกับ "แมลง" กับความเปลี่ยนแปลงที่กำลังเผชิญ 

ฝุ่น pm 2.5 ในกรุงเทพฯ ฟุ้งกระจายในอากาศ

ฝุ่น pm 2.5 ในกรุงเทพฯ ฟุ้งกระจายในอากาศ

ฝุ่น pm 2.5 ในกรุงเทพฯ ฟุ้งกระจายในอากาศ

อุณหภูมิโลกเปลี่ยน กระทบโลก "แมลง" ตัวจิ๋ว

สภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนส่งผลต่อ "แมลง" อย่างมาก เนื่องจากแมลงเป็นสัตว์เลือดเย็น อุณหภูมิของสิ่งแวดล้อมจึงมีผลโดยตรงต่อการดำรงชีวิต พฤติกรรม และการเจริญเติบโต เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น แมลงบางชนิดอาจเติบโตเร็วขึ้น ขณะที่บางชนิดได้รับผลกระทบในทางลบจนถึงขั้นลดจำนวนลงหรือเสี่ยงสูญพันธุ์

แล้วเป็นอย่างนั้นได้อย่างไร ดร.แก้วภวิกา กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ส่งผลต่อ "วงจรชีวิต" และ "พฤติกรรมของแมลง" วงจรชีวิตสั้นลงหรือยาวขึ้น โดยอุณหภูมิที่สูงขึ้นทำให้แมลงส่วนใหญ่เจริญเติบโตเร็วขึ้น วางไข่ได้เร็วขึ้น และเพิ่มจำนวนรุ่นต่อปี ทำให้ประชากรเพิ่มขึ้น 

แมลงบางชนิดเริ่มออกหากินในช่วงเช้าหรือกลางคืนมากขึ้น นั้นเพื่อหลีกเลี่ยงความร้อน

แมลงที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุดมักเป็นกลุ่มที่มีความอ่อนไหวต่อสภาพแวดล้อม หรือมีแหล่งอาศัยเฉพาะเจาะจง ดร.แก้วภวิกา กล่าวว่า อุณหภูมิที่สูงขึ้น ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของถิ่นอาศัยและการกระจายตัว

แมลงหลายชนิดขยายถิ่นอาศัยไปยังพื้นที่ที่เคยเย็นกว่า เช่น ภูเขาสูงหรือเขตหนาว อุณหภูมิที่สูงเกินไปทำให้บางชนิดสูญเสียถิ่นอาศัย หรือส่งผลให้แหล่งอาหารลดลง

ยกตัวอย่าง แมลงที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เย็น เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นจะต้องอพยพไปยังพื้นที่ที่เย็นกว่า เช่น จากเชิงเขาขึ้นไปบนยอดเขาเพื่อให้อยู่รอดได้ แต่หากหาสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมไม่ได้ ก็อาจต้องเผชิญกับการสูญพันธุ์

ผลกระทบจากภาวะโลกร้อนต่อแมลงมีทั้งด้านบวกและด้านลบ อากาศที่อบอุ่นขึ้นช่วยให้แมลงศัตรูพืช เช่น เพลี้ยไฟ หนอน และตั๊กแตน แพร่ระบาดมากขึ้น ขณะที่แมลงพาหะนำโรค เช่น ยุงลาย (แพร่ไข้เลือดออก) และยุงก้นปล่อง (แพร่ไข้มาลาเรีย) สามารถแพร่กระจายไปยังพื้นที่ที่เคยเย็นเกินไปและไม่เคยพบยุงนั้น ๆ  

ไม่เพียงเท่านั้น แมลงผสมเกสร เช่น ผึ้งและผีเสื้อ อาจลดจำนวนลงเพราะอุณหภูมิที่ร้อนขึ้นส่งผลต่อการออกดอกของพืชและส่งผลต่อการหาอาหารและการผสมเกสรพืชผลทางการเกษตร ซึ่งอาจกระทบต่อผลผลิตทางการเกษตร

แมลงบางชนิดออกจากช่วงจำศีลเร็วขึ้นหรือล่าช้ากว่าปกติ ทำให้ไม่สอดคล้องกับวงจรชีวิตของพืชและสัตว์อื่น ๆ นักล่าแมลง เช่น นก หรือ กบ อาจหาอาหารได้ยากขึ้นหากแมลงที่เป็นอาหารของมันลดจำนวนลง

เห็นได้ว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทำให้สมดุลของแมลงและระบบนิเวศเปลี่ยนแปลงไป บางชนิดอาจเพิ่มจำนวนมากขึ้น และกลายเป็นปัญหา ในขณะที่บางชนิดอาจลดลงจนถึงขั้นสูญพันธุ์

"แมลง" มีส่วนประกอบอย่างไรบ้าง

ก่อนที่จะพูดถึงเรื่องอื่น ๆ มาทำความรู้จักกับส่วนประกอบของแมลงให้มากขึ้นกันก่อน แมลงเป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง และสามารถแบ่งร่างกายออกเป็น 3 ส่วนหลัก ได้แก่

1. ส่วนหัว (Head)

หัวของแมลง ประกอบด้วยแผ่นแข็งหลายแผ่นเชื่อมต่อกัน เห็นเป็นร่องลึกลงไปในผนังของส่วนหัว มีลักษณะคล้ายรูปตัว "Y" หัวกลับ และเป็นที่ตั้งของอวัยวะสำคัญ คือ 1."ตา" ประกอบด้วย ตารวม (Compound eyes) และตาเดี่ยว (Ocelli) ส่วนหัวของแมลง 2. ยังมี "หนวด" (Antennae) ซึ่งรูปแบบหนวดของแมลง อาทิ หนวดแบบเส้นด้าย เส้นหนวดมีขนาดเท่า ๆ กัน เรียงติดต่อกันเป็นเส้นยาวคล้ายเส้นด้าย เช่น หนวดของด้วงหนวดยาว และตั๊กแตนหนวดยาว และ 3. มีปาก ซึ่งมีหลายรูปแบบขึ้นอยู่กับชนิดของแมลง เช่น ปากกัดกิน ปากเจาะดูด ปากกัดเลีย (เช่น ผึ้ง และแมลงภู่)

2. ส่วนอก (Thorax)

อกของแมลง ติดอยู่กับส่วนหัว โดยอาศัยเหยื่อบาง ๆ ที่เรียกว่า Cervix หรือ คอ เป็นตัวเชื่อมต่อ อกของแมลงประกอบด้วยปล้อง 3 ปล้อง คือ อกปล้องแรก (Prothorax) อกปล้องกลาง (Mesothorax) และอกปล้องท้าย (Metathorax) นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของอวัยวะ ซึ่งทำหน้าที่ในการเคลื่อนไหว เป็นที่อยู่ของขา 3 คู่ (6 ขา) ส่วนแมลงมีปีก 2 คู่ ปีกของแมลงส่วนใหญ่จะมีรูปร่างคล้ายสามเหลี่ยม แมลงหลายชนิด มีอวัยวะพิเศษช่วยเกี่ยวปีก ทั้ง 2 คู่ ให้ยึดติดกันในขณะที่ทำการบิน เช่น ผีเสื้อ ผึ้ง ต่อ แตน

3. ส่วนท้อง (Abdomen)

ท้องของแมลง เป็นส่วนสุดท้ายของลำตัวแมลง อวัยวะที่พบบนส่วนท้อง มี 2 ประเภท คือ 1.อวัยวะที่เกี่ยวข้องกับการผสมพันธุ์ พบในแมลงตัวเต็มวัย อวัยวะสืบพันธุ์ของเพศเมีย คือ อวัยวะวางไข่ แมลงบางชนิดมีอวัยวะวางไข่สั้น เช่น ตั๊กแตนหนวดสั้น ขณะที่บางชิดยื่นยาวออกมา เห็นเด่นชัด เช่น จิ้งหรีด ตั๊กแตนหนวดยาว 2.อวัยวะที่ไม่เกี่ยวข้องกับการผสมพันธุ์ พบบนท้องของแมลง ทั้งระยะตัวอ่อน และตัวเต็มวัย มีหน้าที่แตกต่างกันไป เช่น รูหายใจ

องค์ประกอบเหล่านี้ทำให้แมลงเป็นสัตว์ที่มีความหลากหลายสูงและสามารถปรับตัวได้ดีในสภาพแวดล้อมต่าง ๆ

อ่านข่าว : จะเกิดอะไร? เมื่อร่างกายเจอ "ฝุ่น PM 2.5"

แมลง กับ แมง ต่างกันอย่างไร

มาถึงตรงนี้อยากรู้แล้วว่า "แมลง" และ "แมง" แตกต่างอย่างไร โดยทั้งคู่เป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง แต่มีลักษณะและโครงสร้างทางกายภาพที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน 

กลุ่มงานวิจัยกีฏวิทยาและจุลชีววิทยาป่าไม้ ระบุไว้ว่า แมลงกับแมงมีสิ่งที่เหมือนกันคือ เป็นสัตว์ที่ไม่มีกระดูกสันหลังและมีลักษณะบริเวณขาเป็นข้อปล้องๆ หรือที่นิยมเรียกกันในชื่อ อาร์โทรพอด (Arthropod)

"แมลง" มีร่างกายแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนหัว ส่วนอก และส่วนท้อง มีหนวดและมีขา 6 ขา เช่น แมลงวัน ด้วง ผีเสื้อ เป็นต้น

"แมง" มีร่างกายแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือส่วนหัวกับอกรวมกัน กับส่วนท้อง ไม่มีหนวดและมีขา 8 หรือ 10 ขา เช่น แมงป่อง แมงมุม เป็นต้น

แมลงคุ้มครอง "ห้ามมีในครอบครอง"

ขณะที่มีแมลงบางชนิดที่ถูกคุ้มครอง ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ได้กำหนดให้แมลงบางชนิดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ห้ามการล่า การครอบครอง และการค้า รวมทั้งสิ้น 20 ชนิด แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ ผีเสื้อกลางคืน 4 ชนิด ด้วง 4 ชนิด ผีเสื้อกลางวัน 12 ชนิด

แมลงเหล่านี้นับวันจะหายากมาก บางชนิดไม่สามารถเพาะพันธุ์ได้ บางชนิดมีวงจรชีวิตในระยะไข่ หนอน ดักแด้ ที่ยาวนาน มักไม่ค่อยพบตัวเต็มวัย นอกจากนี้ บางชนิดมีแหล่งอาศัยที่จำเพาะเจาะจง ส่งผลให้มีความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์มากขึ้น

ภาพจาก : กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช

ภาพจาก : กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช

ภาพจาก : กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช

ฝุ่น PM2.5 กระทบ "แมลง" อย่างไร

PM 2.5 เป็น ฝุ่นจิ๋ว ที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน 2.5 ไมครอน ขนาดเล็กประมาณ 1 ใน 25 ของเส้นผม มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า อากาศเย็นและแห้ง ความกดอากาศสูง สภาพอากาศนิ่ง ทำให้ PM 2.5 สะสมในอากาศ ลอยอยู่ในอากาศได้นาน อาจมีสารพิษเกาะมาด้วย เป็นอันตรายต่อมนุษย์ รวมถึง "แมลง" ตัวจิ๋ว

ฝุ่นจิ๋วลอยอยู่ในอากาศมากจะเห็นท้องฟ้าเป็นสีหม่น หรือเกิดเป็นหมอกควัน  

ดร.แก้วภวิกา กล่าวว่า ฝุ่น PM 2.5 เป็นฝุ่นควันที่เผาไหม้จากชีวมวล อุตสาหกรรม หรือ ไอเสียจากรถยนต์ มีงานวิจัยต่างประเทศที่เริ่มศึกษาเกี่ยวกับผลกระทบของฝุ่น PM 2.5 ต่อ "แมลง" มากขึ้น โดยเฉพาะ "ระบบทางเดินหายใจ" และ "พฤติกรรม" ผลกระทบของฝุ่น PM 2.5 ต่อแมลงมีลักษณะคล้ายกับผลกระทบต่อมนุษย์ เพราะแมลงเองก็ต้องหายใจ

มนุษย์หายใจผ่านจมูก แต่แมลงใช้รูหายใจเล็ก ๆ บนลำตัวที่เรียกว่า Spiracle 

ฝุ่น PM 2.5 สามารถเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจและรูหายใจ (spiracles) ของแมลง ทำให้เกิดการอุดตันและลดประสิทธิภาพการแลกเปลี่ยนก๊าซ อาจทำให้แมลงอ่อนแอลง ส่งผลต่ออายุขัยและอัตราการรอดชีวิต

ไม่เพียงทางเดินหายใจฝุ่นหนาทึบลดการมองเห็นของแมลง อีกด้วย สิ่งที่ตามมาคือทำให้ "การบิน" และ "การหาอาหาร" มีประสิทธิภาพลดลง ขณะที่ แมลงผสมเกสร เช่น ผึ้ง และ ผีเสื้อ อาจได้รับผลกระทบจาก "กลิ่น" และ "สีของดอกไม้" ที่เปลี่ยนไปเพราะ "ฝุ่น" ทำให้ลดอัตราการผสมเกสร

ฝุ่นที่ล่องลอยในอากาศยัง ส่งผลต่อวงจรชีวิตและการสืบพันธุ์ ได้เช่นกัน ซึ่งฝุ่นพิษสามารถปนเปื้อนใน "น้ำ" และ "พืช" ส่งผลต่อการเจริญเติบโตของตัวอ่อนแมลง สารพิษที่มากับฝุ่นอาจรบกวน "ระบบฮอร์โมน" และ "ลดอัตราการวางไข่" ของแมลงบางชนิด เนื่องจากฝุ่นอาจทำงานร่วมกับสารประกอบอื่น ๆ เช่น ยาฆ่าแมลง

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและฝุ่น PM 2.5 มีความเกี่ยวข้องกันและส่งผลกระทบต่อประชากรแมลงโดยตรง ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ ยุงและแมลงวัน แมลงวันที่เดิมใช้เวลา 1-2 วันในระยะตัวหนอน อาจเติบโตเป็นตัวเต็มวัยเร็วขึ้น วางไข่เร็วขึ้น ทำให้จำนวนประชากรเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว 

หากลองสังเกตในช่วงที่ฝนหยุดตก เช่น หลังจากฝนทิ้งช่วง น้ำในท่อระบายน้ำแห้งลงแต่ยังมีความชื้น ประกอบกับอุณหภูมิที่สูงขึ้น จะพบว่ายุงเพิ่มจำนวนขึ้น 

นี่เป็นตัวอย่างของผลกระทบที่เชื่อมโยงกันระหว่างโลกร้อน มลพิษทางอากาศ และวงจรชีวิตของแมลง ฝุ่น PM 2.5 ยังทำให้ ประชากรแมลงบางชนิดลดลง โดยเฉพาะแมลงที่อ่อนไหวต่อมลพิษ เช่น ผีเสื้อ และแมลงปอ อาจลดจำนวนลงในพื้นที่ที่มีค่าฝุ่นสูง และอาจส่งผลต่อห่วงโซ่อาหาร โดยทำให้สัตว์นักล่า เช่น นก หรือ กบ ขาดแหล่งอาหาร ตามไปด้วย 

เห็นได้ว่าฝุ่นจิ๋วส่งผลเสียต่อแมลงหลายชนิด โดยเฉพาะแมลงผสมเกสรและแมลงที่ช่วยควบคุมศัตรูพืช ซึ่งอาจทำให้ระบบนิเวศเสียสมดุลและส่งผลต่อเกษตรกรรมในระยะยาว

แมลง หายากขึ้น หรือไม่

ดร.แก้วภวิกา กล่าวว่า  เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงวัยเด็ก เราจะเห็นได้ชัดว่า จำนวนและความหลากหลายของแมลงลดลงอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นในป่า ในเขตเมือง หรือแม้แต่ในบริเวณบ้านเรือน เมื่อก่อน เพียงแค่เดินออกไปหน้าบ้านหรือสวนใกล้ ๆ ก็สามารถพบเห็นผีเสื้อได้ง่าย แต่ปัจจุบัน หากต้องการดูผีเสื้อ เราอาจต้องเดินทางไปยังอุทยานหรือแหล่งธรรมชาติที่เฉพาะเจาะจง

แม้แต่การสำรวจภาคสนามในปัจจุบัน หากไม่ใช่พื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์มาก ก็พบแมลงได้น้อยลง ทั้งในแง่ของชนิดและปริมาณ ความหลากหลายทางชีวภาพลดลงอย่างเห็นได้ชัด เพื่อรับมือกับปัญหานี้ มีหน่วยงานที่พยายามพัฒนาแนวทางเพาะเลี้ยงแมลงเศรษฐกิจ ซึ่งเดิมทีชาวบ้านต้องเก็บจากธรรมชาติ เช่น

การทดลองเลี้ยงผีเสื้อบางชนิด การทดลองเลี้ยงบึ้ง การศึกษาแนวทางเลี้ยงแมลงดานา เพื่อลดการจับจากธรรมชาติ การวิจัยเกี่ยวกับจิ้งหรีดป่า เพื่อนำมาขยายพันธุ์และส่งเสริมการเลี้ยงในเชิงพาณิชย์

โลกของแมลงเป็นโลกที่กว้างใหญ่ ไม่เพียงแต่มีความสวยงาม แต่ยังมีประโยชน์มากมาย ปัจจุบัน ความสนใจในแมลงในฐานะสัตว์เศรษฐกิจเพิ่มขึ้น หลายคนอาจไม่ทราบว่า แมลงบางชนิดมีการซื้อขายได้ในราคาสูง ตัวอย่างเช่น มด ที่พบถูกลักลอบส่งออกไปยังต่างประเทศ ประกอบด้วย ตัวผู้ ตัวเมีย และไข่ เพื่อเป็นสัตว์เลี้ยง  

แมลงสำคัญอย่างไร และการอนุรักษ์แมลงสำคัญอย่างไร

การอนุรักษ์แมลงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะแมลงมีบทบาทสำคัญต่อระบบนิเวศและชีวิตมนุษย์ในหลายด้าน หากแมลงลดลงหรือสูญพันธุ์ อาจส่งผลกระทบร้ายแรงต่อสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจ 

ดร.แก้วภวิกา กล่าวว่า แมลงเป็นผู้ผสมเกสรที่สำคัญ ผึ้ง ผีเสื้อ แมลงภู่ และแมลงผสมเกสรอื่น ๆ มีบทบาทสำคัญในการผสมเกสรให้กับพืชกว่า 75% ของพืชผลทางการเกษตร หากไม่มีแมลงผสมเกสร การผลิตอาหาร เช่น ผลไม้ ผัก และถั่ว จะลดลงอย่างมาก

แมลงช่วยควบคุมศัตรูพืชตามธรรมชาติ แมลงนักล่า เช่น เต่าทอง มวนเพชฌฆาต แมลงปอ และแมลงช้างปีกใส ช่วยกำจัดแมลงศัตรูพืช ลดความจำเป็นในการใช้สารเคมี และช่วยลดผลกระทบจากศัตรูพืชต่อการเกษตร และลดต้นทุนของเกษตรกร

ไม่แค่เป็นนักล่า แมลงยังเป็นแหล่งอาหารในห่วงโซ่อาหาร เป็นอาหารของสัตว์หลายชนิด เช่น นก ค้างคาว กบ และสัตว์เลื้อยคลาน ซึ่งหากแมลงลดลงอาจทำให้สัตว์ที่กินแมลงลดจำนวนลงตามไปด้วย ส่งผลต่อสมดุลของระบบนิเวศ

ขณะที่ แมลง เช่น มด ปลวก และด้วงบางชนิด ช่วยย่อยสลายซากพืชและซากสัตว์ ทำให้ดินอุดมสมบูรณ์และช่วยรักษาสมดุลของวัฏจักรสารอาหารในธรรมชาติ หรือ แมลงวันลาย (แมลงโปรตีน) ที่สามารถย่อยสลายขยะอินทรีย์ ผลพลอยได้คือช่วยลด "ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์" หรือ "ก๊าซเรือนกระจก"

แมลงบางชนิดยังถูกใช้ในการศึกษาทางชีววิทยาและการแพทย์ สารจากแมลงบางชนิด เช่น พิษของผึ้ง มีศักยภาพในการพัฒนาเป็นยารักษาโรค

การลดลงของแมลงผสมเกสรอาจทำให้ผลผลิตทางการเกษตรลดลง นำไปสู่ราคาสินค้าอาหารที่สูงขึ้น นอกจากนี้แมลงบางชนิด เช่น ไหมและกลุ่มแมลงกินได้ มีความสำคัญในอุตสาหกรรมสิ่งทอและเป็นอาหารมนุษย์หรือสัตว์

การมีอยู่หรือหายไปของแมลงบางชนิดสามารถบ่งบอกถึงสุขภาพของระบบนิเวศ การลดลงของแมลงอาจเป็นสัญญาณของปัญหาสิ่งแวดล้อม เช่น มลพิษและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

หากแมลงลดจำนวนลงจะเกิดอะไรขึ้น  

ดร.แก้วภวิกา กล่าวว่า หากแมลงลดลงหรือสูญพันธุ์ ระบบนิเวศอาจเสียสมดุลอย่างรุนแรง นำไปสู่ปัญหาต่างตามมา ยกตัวอย่างเช่น พืชหลายชนิดสูญพันธุ์เพราะขาดการผสมเกสร ศัตรูพืชระบาดหนักขึ้นเพราะขาดแมลงนักล่า ห่วงโซ่อาหารพังทลายเพราะสัตว์ที่กินแมลงไม่มีอาหาร ขณะที่คุณภาพดินเสื่อมลงเพราะขาดแมลงช่วยย่อยสลายอินทรียวัตถุ

ดังนั้นการอนุรักษ์แมลงจึงเป็นเรื่องจำเป็นเพื่อรักษาสมดุลของธรรมชาติ การเกษตร และคุณภาพชีวิตของมนุษย์เอง

แนวทางการอนุรักษ์ "แมลง"

แมลงเป็นสิ่งสำคัญต่อความสมดุลของระบบนิเวศ โดยเฉพาะแมลงผสมเกสร แมลงนักล่า และแมลงที่ช่วยย่อยสลายอินทรียวัตถุ ดร.แก้วภวิกา แนะแนวทางอนุรักษ์แมลงสามารถทำได้หลายวิธี ดังนี้

  • อนุรักษ์และฟื้นฟูถิ่นอาศัยของแมลง

ปลูกพืชพื้นเมืองและพืชดอกที่เป็นอาหารของแมลงผสมเกสร เช่น ผึ้ง ผีเสื้อ รักษาพื้นที่ป่าไม้ ทุ่งหญ้า และพื้นที่ชุ่มน้ำ ซึ่งเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของแมลงหลายชนิด สร้างแหล่งน้ำขนาดเล็ก เช่น แอ่งน้ำหรือบ่อน้ำ เพื่อเป็นแหล่งน้ำให้แมลงหรือสัตว์อื่น

  • ลดการใช้สารเคมีทางการเกษตร

หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชชนิดที่เป็นอันตรายต่อแมลงมีประโยชน์ ใช้วิธีการควบคุมศัตรูพืชแบบชีวภาพ เช่น ใช้แมลงนักล่า (เต่าทองกำจัดเพลี้ย) แทนการใช้สารเคมี ปลูกพืชหมุนเวียนและใช้วิธีการเกษตรเชิงนิเวศเพื่อรักษาสมดุลของแมลง

  • ลดมลพิษและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 

ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อชะลอภาวะโลกร้อนที่ส่งผลต่อแมลง ลดฝุ่น PM 2.5 และมลพิษทางอากาศที่กระทบต่อระบบทางเดินหายใจของแมลง ใช้พลังงานสะอาดและลดการใช้ยานพาหนะที่ก่อให้เกิดมลพิษ

  • ส่งเสริมการสร้างแหล่งอาศัยให้แมลง

ปล่อยให้บางส่วนของสนามหญ้าหรือสวนกลายเป็นพื้นที่ธรรมชาติ โดยไม่ตัดหญ้าบ่อยเกินไป ใช้วัสดุธรรมชาติ เช่น ไม้แห้ง ใบไม้ กองหิน เป็นที่หลบภัยให้แมลง

  • ให้ความรู้และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชน

ให้ความรู้เกี่ยวกับความสำคัญของแมลงผ่านโรงเรียนและกิจกรรมชุมชน ส่งเสริมให้ประชาชนปลูกต้นไม้ดอกไม้เพื่อให้เป็นแหล่งอาหารและแหล่งอาศัยของแมลงผสมเกสรอย่างยั่งยืน สนับสนุนการศึกษาและงานวิจัยเกี่ยวกับแมลงและการอนุรักษ์

การอนุรักษ์แมลงเป็นเรื่องที่ทุกคนสามารถช่วยกันทำได้ ซึ่งจะช่วยรักษาความสมดุลของระบบนิเวศและความมั่นคงทางอาหารในระยะยาว

สำรวจแมลง มุมมองของนักกีฏวิทยา

ผู้ที่ศึกษาเรื่องราวของ "แมลง" มีชื่อเรียกว่า นักกีฏวิทยา (Entomologist) พวกเขาสำรวจธรรมชาติ เฝ้าสังเกตพฤติกรรม ค้นคว้าเรื่องราวที่ซ่อนอยู่ และทำงานเพื่ออนุรักษ์สิ่งมีชีวิตเล็กๆ ที่มีบทบาทสำคัญในระบบนิเวศ

ดร.แก้วภวิกา จิตธรรมมา อิกเนเชียส

ดร.แก้วภวิกา จิตธรรมมา อิกเนเชียส

ดร.แก้วภวิกา จิตธรรมมา อิกเนเชียส

ดร.แก้วภวิกา นักกีฏวิทยาผู้มากประสบการณ์ เล่าว่าทุกครั้งที่ก้าวเข้าสู่ป่า สิ่งแรกที่พบมักเป็นแมลง อาจเป็นเพราะสัญชาตญาณ รู้ว่าควรมองหาตรงไหนตามใบไม้ กิ่งไม้ หรือพื้นดิน พื้นฐานเหล่านี้ช่วยให้สามารถคาดเดาแหล่งอาศัยของแมลงได้ เช่น ขอนไม้ผุอาจมีหนอนด้วงซ่อนอยู่ หรือใบไม้มีรอยแหว่งอาจเป็นฝีมือของหนอนแมลง หากมองไปที่พื้นดิน อย่างน้อยที่สุดต้องเจอมดหรือปลวก

การค้นพบแมลงชนิดใหม่เป็นเรื่องน่าตื่นเต้น เพราะแมลงแต่ละตัวมีเรื่องราวเฉพาะตัว ดร.แก้วภวิกา เล่าว่าหนึ่งในแมลงที่เธอใช้เวลานานถึง 10 ปี ในการศึกษาจนได้รับการยืนยันว่าเป็นชนิดพันธุ์ใหม่ (new species) เช่น "มวลน้ำขนาดเล็ก" นับเป็นความท้าทายที่ต้องอาศัยทั้งความรู้และความอดทน

อีกหนึ่งการค้นพบสำคัญคือ "แมลงปอเข็มท้องเข็มสังขละ" (Prodasineura sangkhl) ซึ่งถูกพบที่น้ำตกตะเคียนทองในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร จ.กาญจนบุรี โดยทีมวิจัยจากกรมอุทยานฯ ร่วมกับนักกีฏวิทยาจากมหาวิทยาลัยยุยตัน ประเทศเวียดนาม

อ่านข่าว : ชนิดใหม่ของโลก "แมลงปอเข็มท้องเข็มสังขละ" ในป่าตะวันตก

แมลงชนิดใหม่ของโลก “แมลงปอเข็มท้องเข็มสังขละ  ภาพจาก : กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช

แมลงชนิดใหม่ของโลก “แมลงปอเข็มท้องเข็มสังขละ ภาพจาก : กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช

แมลงชนิดใหม่ของโลก “แมลงปอเข็มท้องเข็มสังขละ ภาพจาก : กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช

แมลงปอเข็มชนิดใหม่นี้จัดอยู่ในสกุล Prodasineura หรือเรียกว่าสกุล แมลงปอเข็มท้องเข็ม "สังขละ" คือ ชื่อชนิดใหม่ (New species) แมลงปอเข็มในสกุลหางเข็ม (Prodasineura) ที่พบในพื้นที่นี้จำนวนมากถึง 4 ชนิด และชนิดใหม่ที่รายงานครั้งนี้ จากรายงานการพบแมลงปอเข็มในสกุลนี้ทั้งหมด 6 ชนิดในประเทศไทย

แมลงปอเข็มมีบทบาทสำคัญในระบบนิเวศ โดยเป็นตัวห้ำช่วยควบคุมประชากรแมลงขนาดเล็ก และยังเป็นดัชนีชี้วัดคุณภาพของลำธาร การค้นพบครั้งนี้สะท้อนถึงความสมบูรณ์ของธรรมชาติและระบบนิเวศในพื้นที่

ดร.แก้วภวิกา กล่าวว่า การค้นพบแมลงแต่ละตัวไม่ได้เป็นแค่การพบเห็นธรรมดา แต่ต้องผ่านการศึกษาค้นคว้า บางครั้งต้องใช้เวลากว่าที่จะได้รับการยืนยันว่าเป็นชนิดพันธุ์ใหม่ นี่คือ เสน่ห์ของการเป็นนักกีฏวิทยา ที่ทำให้ทุกการสำรวจป่าเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและท้าทาย

สุดท้าย เห็นได้ว่า แมลงไม่ได้มีความสำคัญเพียงแค่ในระบบนิเวศเท่านั้น แต่ยังเป็นส่วนสำคัญที่โลกขาดไม่ได้อีกด้วย ฉะนั้นการศึกษา และเรียนรู้เรื่องของแมลง ก็ยังเป็นสิ่งที่มีความสำคัญ 

อ่านข่าว : เสน่ห์ "ปาย" เมืองเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยมิตรภาพ

"Sea Moss Gel" มีประโยชน์อะไร ใครไม่ควรกิน

ริดสีดวงทวาร คืออะไร เช็กอาการที่บ่งบอก การรักษา และป้องกัน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง