ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

หวังเพิ่มอำนาจต่อรอง! วิเคราะห์ปมชายแดนใต้ช่วงเดือนรอมฎอน

การเมือง
9 มี.ค. 68
19:39
257
Logo Thai PBS
หวังเพิ่มอำนาจต่อรอง! วิเคราะห์ปมชายแดนใต้ช่วงเดือนรอมฎอน
นักวิชาการวิเคราะห์นัยเหตุความรุนแรงช่วงเดือนรอมฎอน ปมคาร์บอมบ์สุไหงโก-ลกและอีกหลายจุด ชี้ผู้ก่อเหตุหวังเพิ่มอำนาจต่อรอง และกระบวนการพูดคุย 2 ฝ่ายล้มเหลว ขณะที่ภาพความเสียหายคาร์บอมบ์รัศมี 100 เมตรพังยับ

วันนี้(9 มี.ค.2568) ไทยพีบีเอส สำรวจความเสียหายหตุคาร์บอมบ์ที่ว่าการอำเภอสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ซึ่งถือเป็นภาพแรกที่ได้รับการอนุญาตจากหน่วยงานด้านความมั่นคงในการนำเสนอ

โดยพบว่าระเบิดบรรจุในถังแก๊สน้ำหนักกว่า 100 กิโลกรัม จุดชนวนด้วยวิทยุสื่อสาร อานุภาพของแรงระเบิดกินรัศมีกว่า 100 เมตร ทำให้อาคารสรรพากร ห้องประชุม โรงจอดรถดับเพลิง อาคารที่ว่าการอำเภอหลังเก่า อาคารแฟลตการเคหะแห่งชาติ ห้องประชุม และห้องทำงานสำนักงานเทศบาลที่อยู่ติดกัน รวมถึงยานพาหนะของทางราชการ เสียหายเป็นวงกว้าง

อ่านข่าว "ถ้าผมหายดี จะกลับไปเป็นอส." ผู้รอดชีวิตคาร์บอมบ์สุไหงโก-ลก

สภาพความเสียหายในพื้นที่ว่าการสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาสจากเหตุคาร์บอมบ์เมื่อวานนี้ (8 มี.ค.)

สภาพความเสียหายในพื้นที่ว่าการสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาสจากเหตุคาร์บอมบ์เมื่อวานนี้ (8 มี.ค.)

สภาพความเสียหายในพื้นที่ว่าการสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาสจากเหตุคาร์บอมบ์เมื่อวานนี้ (8 มี.ค.)

นอกจากนี้ ตรงประตูทางเข้ายังมีร่องรอยกระสุนที่ผู้ก่อเหตุกราดยิงเข้าใส่ และรอยเลือดจากผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ครั้งนี้

จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ของที่ว่าการอำเภอสุไหงโก-ลก บอกว่า ในส่วนงานออกหนังสือผ่านแดน คงยังไม่สามารถทำได้ในวันพรุ่งนี้ (10 มี.ค.) แต่ในส่วนงานด้านบริการอื่นๆ จะพยายามเปิดให้บริการ

โดยเฉพาะที่มีความจำเป็นเร่งด่วนเช่นงานทะเบียนราษฎร์ แต่ความเสียหายกับอุปกรณ์ของใช้สำนักงาน โดยเฉพาะเอกสาร และคอมพิวเตอร์อาจต้องประเมินอีกครั้ง

อ่านข่าว ไล่เรียงเหตุป่วนหลายจุด "นราธิวาส - ปัตตานี" ทั้งวางระเบิด-ยิง

ขณะที่นักวิชาการมองว่า การก่อเหตุครั้งล่าสุด ผู้ก่อเหตุหวังเพิ่มอำนาจในการต่อรอง ไม่ใช่แค่สร้างสถานการณ์เหมือนในอดีต มีข้อสังเกตต่อเหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้นตั้งแต่เดือนก.พ.ที่ผ่านมา พบกลุ่มบุคคลขึ้นข้อความข่มขู่ กลุ่มอาสาสมัครรักษาดินแดน (อส.) ที่ปฏิบัติหน้าที่ในจังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งเหตุการณ์เมื่อวานนี้ พบกลุ่ม อส.เสียชีวิต และตกเป็นเป้าหมายอย่างชัดเจน

ยังมีข้อสังเกตถึงการเลือกก่อเหตุในช่วงต้นเดือนรอมฎอน ทั้งที่ในอดีต พบการก่อเหตุในช่วงท้ายของเดือนรอมฎอนเท่านั้น นอกจากนี้ รูปแบบการก่อเหตุ ยังเลือกพื้นที่ชั้นใน เช่น ที่ว่าการอำเภอสุไหงโก-ลก ที่ปกติมีมาตรการดูแลเข้มข้น และยังสามารถนำรถยนต์จากภายนอก เข้ามาทำคาร์บอมได้สำเร็จ ข้อสังเกตเหล่านี้ เป็นสิ่งที่แตกต่างจากในอดีต

อ่านข่าว ด่วน! พบรถต้องสงสัยบึ้มที่ว่าการสุไหงโก-ลก

"ปณิธาน" ชี้ผู้ก่อเหตุหวังเพิ่มอำนาจต่อรอง

รศ.ปณิธาน วัฒนายากร ผู้เชี่ยวชาญการต่างประเทศและความมั่นคง ระบุว่า การก่อเหตุครั้งนี้ ไม่ใช่การแสดงออกเชิญสัญลักษณ์เหมือนในอดีต เป็นการก่อเหตุเพื่อกดดัน และเพิ่มอำนาจการต่อรอง

โดยเลือกกลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนของภาครัฐ หลังจากแกนนำกองกำลังบางกลุ่ม ที่ซ่อนตัวอยู่ในมาเลเซีย ถูกทางการไทย กดดันอย่างหนัก  และสิ่งที่น่ากังวล คือการใช้วิธีการใหม่ๆ เช่น บางจุดเลือกการใช้รถวิทยุบังคับจากระยะไกล

อาจจะสร้างแรงกดดันสร้าง เงื่อนในการเจรจาพูดคุยต่อรองไม่ใช่การสร้างสถานกาณณ์แบบเดิม เพื่อรักษากลุ่มเพราะเข้ากระบวนการสร้างสันติสุขแล้วไม่จเป็นต้องแสดงตัวตนและเป้าหมายที่อ่อนแอคือ อส.และประชาชนที่ต่อสู้กับบีอาร์เอ็น

ผู้เชี่ยวชาญด้านการต่างประเทศและความมั่นคง มองว่า นอกจากนี้ยงมีกลุ่มเป้าหมายอื่น แต่อาจมีความละเอียดอ่อนทางการเมือง เช่น เจ้าหน้าที่ของรัฐ ในโรงเรียนในโรงพยาบาล ที่ว่าการอำเภอ โรงพยาบาล ซึ่งเป็นเป้าหมายที่อ่อนแอที่ต้องระมัดระวังมากขึ้น แต่ทางกองกำลังก็ยังไม่มีความเข้มแข็งพอที่จะโจมตี

แต่เหตุการณ์รอบนี้เห็นสิ่งใหม่ทั้งการจัดกองกำลังเป็นกลุ่มขนาดใหญ่ มีระบบ อาวุธ ระเบิดและใช้การควบคุมรยะไกลที่ทันสมัยมากขึ้น

"เอกรินทร์" ชี้ล้มเหลวกระบวนการพูดคุย 2 ฝ่าย

ขณะที่ รศ.เอกรินทร์ต่วนศิริ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ ตั้งคำถามถึงภาครัฐว่าเหตุใด จึงปล่อยให้มีความรุนแรงเกิดขึ้นในช่วงรอมฎอน

ทั้งที่ปกติมีมาตรการเข้มข้น และมีเจ้าหน้าที่จำนวนมากในพื้นที่ และก่อนหน้านี้ มีรองนายกฯ ด้านความมั่นคง นายกรัฐมนตรี และอดีตนายกฯ ลงพื้นที่ เพื่อกำชับให้เจ้าหน้าที่ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ

ความสูญเสียที่เกิดขึ้น ถือเป็นเหตุความรุนแรงครั้งใหญ่ ซึ่งสะท้อนว่า การพูดคุยสันติสุขในช่วงที่ผ่านมา “ล้มเหลว” ทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายบีอาร์เอ็น ที่ไม่สามารถลดความรุนแรงได้ และสุดท้ายประชาชนเป็นฝ่ายที่ต้องสูญเสีย

ตั้งแต่มีรัฐบาลใหม่ จากที่เคยเป็นรัฐบาลทหาร คำถามสำคัญคือผลที่ออกมาแบบนี้ สะท้อนถึงความล้มเหลวทั้งของฝ่ายไทย และบีอาร์เอ็นในกระบวนการสร้างสันติสุข การใช้ความรุนแรงแบบนี้ ถ้าเขานำมาใช้หมายถึงวิธีการของเขาล้มเหลว จึงต้องกลับมาใช้ความรุนแรง

รศ.เอกรินทร์ ระบุว่า แม้รัฐจะให้ความสำคัญกับจำนวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นหลัก แต่อยากให้น้ำหนักถึงความสูญเสีย และความร้ายแรงที่เกิดขึ้นด้วย อย่างกรณีล่าสุด ที่ทำให้คนในพื้นที่เกิดความหวาดระแวงอย่างมาก ในช่วงเวลาที่เหลือของเดือนรอมฎอน

อ่านข่าว

"แพทองธาร" ปัดล็อบบี้ถอนชื่อ "ทักษิณ" พ้นญัตติอภิปราย

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง