ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

"โรคจิตเวช" กับ "โรควิตกกังวล" แตกต่างกันอย่างไร

ไลฟ์สไตล์
10 มี.ค. 68
14:42
0
Logo Thai PBS
"โรคจิตเวช" กับ "โรควิตกกังวล" แตกต่างกันอย่างไร

หลายคนอาจสงสัยระหว่างคำว่า "โรคทางจิตเวช" กับ กับ "โรควิตกกังวล" เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร เป็นสิ่งเดียวกันหรือไม่ ในทางการแพทย์ ให้คำนิยามของทั้งสองคำนี้อย่างไร มาหาคำตอบกัน 

โรคทางจิตเวช คือ อะไร  

"โรคทางจิตเวช" เป็นกลุ่มของโรคที่ส่งผลต่อความคิด อารมณ์ พฤติกรรม และการรับรู้ของบุคคล อาจมีอาการรุนแรงจนส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การทำงาน หรือการเข้าสังคม

ตัวอย่างโรคในกลุ่มจิตเวช

  • โรคจิตเภท (Schi zophrenia) - ผู้ป่วยมีอาการหลงผิดหรือหวาดระแวง หูแว่ว ประสาทหลอน หากเป็นแล้วไม่รักษาตั้งแต่ต้น หรือปล่อยทิ้งไว้นาน จะทำให้การรักษามีความยุ่งยาก และผลการรักษาไม่ดีนัก  
  • โรคอารมณ์สองขั้ว (Bipolar Disorder) - จะมีอารมณ์ขึ้นลงรุนแรงเป็นช่วงๆ อารมณ์แปรปรวนรุนแรง มีช่วงซึมเศร้าและช่วงอารมณ์ดีผิดปกติ 

- ช่วงเวลาที่เป็น Manic Episode (ภาวะอารมณ์ดีผิดปกติ) ผู้ป่วยจะรื่นเริงสนุกสนานผิดปกติ มีพลังในการทำกิจกรรมต่างๆ ไม่มีเหน็ดเหนื่อย มีความมั่นใจมาก ขาดความยับยั้งชั่งใจ หากถูกห้ามหรือขัดขวางในสิ่งที่ต้องการจะหงุดหงิด ในรายที่มีความรุนแรงจะพบมีอาการหลงผิดคิดว่ามีพลังวิเศษ

- ช่วงเวลาที่เป็น Depressive Episode (ภาวะซึมเศร้า) ผู้ป่วยจะมีอาการเบื่อหน่าย ซึมเศร้า ร้องไห้ง่าย กินไม่ได้ นอนผิดปกติ(นอนตลดเวลา นอนไม่หลับ หรือไม่นอนเลย) รู้สึกหมดหวัง ชีวิตตัวเองไม่มีคุณค่า ไม่อยากทำอะไรเลย และอาจคิดฆ่าตัวตาย

  • โรคซึมเศร้า (Ma jor Depressive Disorder) - มีภาวะซึมเศร้ารุนแรง เบื่อหน่ายชีวิต มีอากการหดหู่ เป็นโรคทางจิตเวชด้านความผิดปกติของสารเคมีในสมอง สาเหตุอื่นๆ พันธุกรรม สารเสพติด ความเครียด การสูญเสียความรัก ความผิดหวัง ซึมเศร้ารักษาหายได้ด้วยยาหรือรักษาด้วยจิตบำบัด
โรคทางจิตเวชก็เหมือนกับโรคทางกายอื่นๆ ที่รักษาได้และอาการดีขึ้นเมื่อได้รับการดูแลที่เหมาะสม บุคคลที่มีปัญหาทางจิตเวชอาจต้องพบนักจิต วิทยาเพื่อทำจิตบำบัดและปรับพฤติกรรมร่วมด้วย

สาเหตุทั่วไปของการเกิดโรค

  • ปัจจัยโน้มเอียงที่มีอยู่ก่อน ได้แก่ พันธุกรรม พื้นอารมณ์ ลักษณะนิสัย และบุคลิกภาพ
  • ปัจจัยที่เร่งให้เกิดอาการ ได้แก่ ความเครียด ความวิตกกังวล ความผิดปรกติในการหลั่งฮอร์โมนและสารเคมีในสมอง รวมทั้งการที่สมองถูกกระทบกระเทือนหรือการทำงานของ สมองเสื่อมถอย
  • ปัจจัยที่ทำให้อาการป่วยดำเนินต่อไป ได้แก่ การ ไม่ได้รับการบำบัดรักษาที่เหมาะสมและต่อเนื่อง บรร ยากาศความตึงเครียด การขาดทักษะการจัดการอารมณ์และการสื่อสารที่ไม่ดี

โรควิตกกังวล 

โรควิตกกังวล (Anxiety Disorders) เป็นโรคที่อยู่ในกลุ่มของความผิดปกติทางอารมณ์ ผู้ป่วยจะมีจิตใจแปรปรวนอ่อนไหวง่าย ที่พบได้บ่อย คือ โรควิตกกังวลทั่วไป (general anxiety disorder) ลักษณะสำคัญคือมีความกังวล คนปกติอาจมีความวิตกกังวลในบางสถานการณ์ เช่น กังวลเรื่องลูกไปโรงเรียน หรือเริ่มงานใหม่ อาการเหล่านี้มักหายไปเองเมื่อเหตุการณ์ผ่านไป 

แต่ในผู้ที่เป็นโรควิตกกังวลทั่วไป จะมีอาการติดต่อกันนานกว่า 6 เดือน และมักคิดฟุ้งซ่าน กังวลหลายเรื่องในเวลาเดียวกัน ส่วนใหญ่มักเป็นเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้น รู้สึกกลัวเกินเหตุ ใจลอย และตกใจง่าย ไม่สามารถหักห้ามใจไม่ให้คิดได้

นอกจากอาการทางจิตใจแล้ว ผู้ป่วยมักมีอาการทางร่างกายร่วมด้วยอย่างน้อย 3 อย่าง เช่น กระสับกระส่าย เหนื่อยง่าย ใจสั่น ปวดตึงกล้ามเนื้อโดยเฉพาะที่ต้นคอ ไหล่ หลัง ใจเต้นเร็วและแรง หายใจไม่อิ่ม ท้องเสีย ปัสสาวะบ่อย มือเท้าเย็น นอนไม่หลับ ไม่มีสมาธิ เป็นต้น

โรควิตกกังวลทั่วไปเกิดจากความผิดปกติทางจิตใจหรือความไม่สมดุลของสารสื่อประสาทในสมอง โรคนี้สามารถรักษาได้ด้วยยาและการบำบัดทางจิตสังคม ซึ่งช่วยปรับความคิดและพฤติกรรมควบคู่กัน

วิธีบรรเทาอาการวิตกกังวลเบื้องต้น

หากกำลังเผชิญกับความวิตกกังวล สามารถบรรเทาอาการได้ด้วยวิธีได้ดังนี้

  • ปรับพฤติกรรมการพักผ่อน นอนหลับให้เพียงพอและเป็นเวลา หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ น้ำอัดลม และเครื่องดื่มชูกำลัง เพราะคาเฟอีนอาจกระตุ้นให้อาการแย่ลง
  • ใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์ หากแพทย์สั่งยา ควรรับประทานให้ครบถ้วนและต่อเนื่อง และหากต้องการซื้อยาหรือสมุนไพรเพิ่มเติม ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อน
  • ฝึกจิตใจให้ผ่อนคลาย ทำสมาธิ ฝึกการหายใจลึกๆ และฝึกปล่อยวาง เพื่อช่วยให้จิตใจสงบและลดความวิตกกังวลได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 "โรคทางจิตเวช" และ "วิตกกังวล"

ดังนั้นจึงอาจพูดได้ว่า "โรคทางจิตเวช" เป็นกลุ่มโรคที่มีผลกระทบต่อความคิด การรับรู้ และพฤติกรรมอย่างรุนแรง อาจมีอาการหลงผิดหรือประสาทหลอน ส่วน "โรควิตกกังวล" เป็นกลุ่มโรคที่เกี่ยวข้องกับความเครียดและความกังวลมากเกินไป แต่ไม่มีอาการหลงผิดหรือประสาทหลอน

อ้างอิงข้อมูล : กรมสุขภาพจิต, โรงพยาบาลธัญญารักษ์สงขลา 

อ่านข่าว : ไมเกรน VS เส้นเลือดสมองแตก ปวดหัวแบบไหน อันตรายถึงชีวิต ?

รู้ได้อย่างไรเป็น "โรคอ้วน" ทำไม "น้ำหนัก" ถึงไม่ใช่แค่เรื่องของรูปร่าง

ยาทดแทน "ยาบ้า" รักษานักเสพ แก้วิกฤตนักโทษคดียาเสพติดล้นคุก

ข่าวที่เกี่ยวข้อง