วันนี้ (12 มี.ค.2568) คณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา ประชุมเพื่อติดตามการบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา และจ.จันทบุรี โดยได้เชิญบริษัทเอกชน 2 แห่งเข้าชี้แจงเกี่ยวกับการครอบครองที่ดินซึ่งถูกใช้เป็นสวนทุเรียน รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมป่าไม้ ตำรวจ เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินคดีและแนวทางบังคับใช้กฎหมาย
ในที่ประชุมพบว่า พื้นที่ถูกบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติมีขนาดรวมกัน 688 ไร่ เบื้องต้นมีการแจ้งความดำเนินคดีเพียง 300 กว่าไร่ ซึ่งนายชีวะภาพ ชีวะธรรม ประธานคณะกรรมาธิการฯ สั่งการให้เจ้าหน้าที่ขยายผลและแจ้งความเอาผิดให้ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด
พบว่ายังมีพื้นที่อีก 300 ไร่ จากทั้งหมดที่ใช้ใบภาษีบำรุงท้องที่ (ภบท.) ของบริษัทแห่งหนึ่งที่จดแจ้งไว้ที่ อบต.688 และโอนให้มูซังคิง และพบว่าบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ ตอนนี้ตรวจยึด 300 ไร่มันไม่มีอะไรรองรับ
พ.ต.อ.ชัยพร ทองนาเพียง รองผบก.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา เปิดเผยว่า ตำรวจได้รับแจ้งความคดีนี้เมื่อ 10 วันก่อน และอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน โดยจะต้องตรวจสอบว่า มีบุคคลหรือบริษัทใดที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม ก่อนดำเนินการแจ้งข้อหา
ตำรวจรับเรื่องไว้ช่วง 10 กว่าวัน การสอบสวนคืบหน้ามากแล้ว และต้องการรายละเอียดพื้นที่ถูกบุกรุกที่ชัดเจน ส่วนตัวผู้ทำผิดมีหลักฐานชัดเจนไม่มีปัญหาในการสอบสวน
อ่านข่าว "เฉลิมชัย" สั่งสอบที่ดินคทช. 7.2 ล้านไร่ปมทุนจีนปลูกทุเรียน

นายชีวะภาพ ชีวะธรรม ประธานกมธ.สิ่งแวดล้อม และพ.ต.อ.ชัยพร ทองนาเพียง รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดฉะเชิงเทรา
นายชีวะภาพ ชีวะธรรม ประธานกมธ.สิ่งแวดล้อม และพ.ต.อ.ชัยพร ทองนาเพียง รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดฉะเชิงเทรา
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้หารือเกี่ยวกับกรณีที่ดินซึ่งมีการเปลี่ยนมือจาก บริษัทมาบุญครอง ไปยัง บริษัทมูซันคิง โดยมีข้อกังขาเรื่องการเสียภาษีที่ดินในพื้นที่ป่าสงวนฯ ซึ่ง องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ได้เข้ามาชี้แจงว่าสามารถเก็บภาษีได้ตามข้อกำหนดของกระทรวงมหาดไทย แต่ไม่ได้หมายความว่าเป็นเอกสารสิทธิ์ที่ดินที่สามารถซื้อขายได้
ทั้งนี้ กมธ.สิ่งแวดล้อม ระบุว่าการบุกรุกป่าสงวนแ่ห่งชาติ ถือเป็นการกระทำผิดกฎหมาย และการซื้อขายที่ดินที่ไม่มีเอกสารสิทธิเป็นโมฆะ พร้อมฝากเตือนไปยังประชาชนว่า ไม่สามารถซื้อขายที่ดินที่ทับซ้อนป่าสงวนแห่งชาติ หรือที่ดินประเภท ภบท.5 ได้
อ่านข่าว แกะรอย "นอมินีทุนจีน" ปลูกทุเรียนพันธุ์ "มูซังคิง"กลางป่าไทย

กรมป่าไม้ดำเนินคดีปมนอมินีทุนจีนรุกป่าสงวนแห่งชาติปลูกทุเรียนในที่ดินแปลงคทช.
กรมป่าไม้ดำเนินคดีปมนอมินีทุนจีนรุกป่าสงวนแห่งชาติปลูกทุเรียนในที่ดินแปลงคทช.
หลังจากนี้ กมธ.สิ่งแวดล้อม จะติดตามผลการดำเนินคดีอย่างใกล้ชิด และเตรียมเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงกระทรวงมหาดไทย เข้าชี้แจงเพิ่มเติมในที่ประชุมครั้งหน้า เพื่อแก้ไขปัญหาการบุกรุกป่า และการใช้ที่ดินโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายในอนาคต
ขณะที่เวลา 10.30 น.นายสุรชัย อจลบุญ อธิบดีกรมป่าไม้ พร้อมด้วย ดร.รวีวรรณ ภูริเดช ผอ.สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (สคทช.) แถลงข่าวการแก้ปัญหาโอนสิทธิ์ซื้อขายเปลี่ยนมือพื้นที่ดำเนินการจัดการที่ดินทำกินให้ชุมชน (คทช.)
อ่านข่าว ยึดอีกแปลง 400 ไร่สวนทุเรียนรุกป่า "จิสด้า" ช่วยสแกน 7.2 ล้านไร่
ก่อนหน้านี้ นายสุรชัย ยืนยันว่าที่ดินคทช.ที่กรมป่าไม้มอบให้กับสคทช.ไปใช้ในโครงการคทช.ในภาคตะวันออกที่มีการตรวจพบทั้งหมดได้ตรวจยึดพื้นที่และแจ้งความดำเนินคดีแล้ว

นายสุรชัย อจลบุญ อธิบดีกรมป่าไม้
นายสุรชัย อจลบุญ อธิบดีกรมป่าไม้
ส่วนการแก้ปัญหาระยะยาว เดิมเกษตรกรทำผิดเงื่อนไข ทำได้เพียงแค่ยืดคืนพื้นที่คืนรัฐ แต่ยังไม่มีบทลงโทษเหมือนกับการรุกป่าสงวนแห่งชาติ หรือป่าอนุรักษ์ จึงหารือทาง สคทช.ว่าอาจเพิ่มเกณฑ์เงื่อนไขใหม่ กำหนดบทลงโทษที่เข้มข้นสำหรับเกษตรกรที่ได้สิทธิที่ดิน คทช.เพื่อไม่ให้ทำผิดเงื่อนไขซ้ำ
นอกจากนี้ ยังประสานสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (GISTDA) ในการใช้ดาวเทียมตรวจสอบที่ดินแปลงใหญ่ที่ส่งมอบให้คทช.ไปแล้ว 7.2 ล้านไร่จาก 12 ล้านไร่ โดยจะนำร่องฉะเชิงเทรา และจันทบุรีที่พบถูกนำที่ดินไปซื้อขายเปลี่ยนมือมากกว่า 1,000 ไร่ และให้เจ้าหน้าที่ลงกราวด์เช็กสำรวจพื้นที่อีกครั้ง
อ่านข่าว
"ชีวะภาพ" เล็งดำเนินคดีทุนจีนบุกรุกพื้นที่ปลูกทุเรียนจันทบุรี-ตราด