แล้วศาลรัฐธรรมนูญ โดยเสียงข้างมาก 8 ต่อ 1 ตีตกไม่รับคำร้องของ ครม. ขอวินิจฉัยคุณสมบัติรัฐมนตรี ต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และไม่มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ที่นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักฯ และมือกฎหมายของพรรคเพื่อไทย ได้รับมอบหมายเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2568
ผลจากคำพิพากษาศาลรัฐธรรมนูญ 14 สิงหาคม 2567 มีมติ 5 ต่อ 4 ให้นายเศรษฐา ทวีสิน พ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เนื่องจากขาดคุณสมบัติจาก 2 ประเด็นดังกล่าว จากกรณีแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักฯ ทั้งที่เคยต้องคำพิพากษาจำคุก 6 เดือนฐานละเมิดอำนาจศาล
รัฐบาลเห็นว่า คำพิพากษากว้างมากเกินไป เห็นควรกำหนดความหมายให้แคบลงและชัดเจน เพื่อไม่ให้เกิดข้อสงสัยหรือปัญหาการส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย หรือมีการยื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญในภายหลัง
ศาลรัฐธรรมนูญให้เหตุผลประกอบในคำวินิจฉัย 12 มีนาคม 2568 ว่า การเสนอชื่อบุคคลให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี เป็นหน้าที่และอำนาจของนายกรัฐมนตรี เป็นการใช้อำนาจทางบริหาร และต้องปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามหลักนิติธรรม ตามรัฐธรรมนูญ
อ่านข่าว : "ญัตติ" คืออะไร ความหมาย และความสำคัญ ที่ใช้ในการประชุมสภา
คำร้องดังกล่าวเป็นเพียงการขอให้อธิบาย หรือแปลความหมายบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับ คุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของบุคคลที่จะได้แต่งตั้งเป็นรัฐมนตรี ตามมาตรา 160 (4) (5) และ (7) และ พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการการเมือง พ.ศ.2535 เป็นลักษณะการหารือเท่านั้น ยังไม่ปรากฎว่ามีปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของผู้ร้อง หรือสั้นๆ คือเรื่องยังไม่ได้เกิดขึ้น
การยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าว เป็นดำริของพรรคเพื่อไทย แกนนำรัฐบาล หลังจากการเดินหน้ายกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ รายมาตรา เกี่ยวกับประเด็นจริยธรรม และความซื่อสัตย์สุจริต เมื่อปลายปี 2567 ไปต่อไม่ได้ เพราะพรรคร่วมรัฐบาลอย่างพรรคภูมิใจไทยก็ไม่เห็นด้วย เนื่องจากเป็นเรื่องที่ประชาชนตื่นตัวและหนุนเรื่องจริยธรรมของนักการเมือง จึงต้องใช้วิธีส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยดังกล่าว
แม้จะพยายามอ้างเหตุผลว่าคลุมเครือ กว้างเกินไป ส่งผลต่อการเดินหน้าบริหารประเทศชาติเกิดความยากลำบาก แต่ในมุมของภาคประชาชน และนักวิชาการ ล้วนมองต่างมุม สนับสนุนเรื่องจริยธรรมนักการเมือง ที่สามารถผลักดันให้เกิดมรรคผลถึงขั้นระบุไว้ในรัฐธรรมนูญ ปี 2560 ได้สำเร็จ
รศ.ดร.เจษฎ์ โทณะวณิก อดีตที่ปรึกษา กรธ.ร่างรัฐธรรมนูญ เคยระบุถึงเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4) รัฐมนตรีต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และ (5) ไม่มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติ ตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง โดยชี้ว่า คุณสมบัติของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ต้องเข้มข้นขึ้นเป็นลำดับ แต่ชั้นต้น คือ สส. เมื่อนำไปใช้กับรัฐมนตรีจะสูงขึ้นไปอีก และเมื่อไปใช้กับนายกรัฐมนตรีจะสูงที่สุด
เรื่องความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ มีตัววัดว่า ความซื่อสัตย์สุจริตแค่ไหน ส่วนคนที่จะมาเป็นผู้แทนของประชาชนต้องมีจริยธรรมสูง ต้องกำหนดเกณฑ์ระดับห้ามละเมิดจริยธรรมร้ายแรง ไม่ใช่จริยธรรมทั่วไป เท่ากับสะท้อนการให้ความสำคัญกับเรื่องจริยธรรมนักการเมืองอย่างชัดเจน
แต่เรื่องจริยธรรมนักการเมือง อาจเป็นของแสลงไม่ถูกใจนักการเมือง โดยเฉพาะที่มีบารมี เป็นหัวหน้ากลุ่มก๊วนต่าง ๆ ที่เคยมีอำนาจการต่อรองสูง แต่ต่อไปจะถูกสกัดจากปมคุณสมบัติ รัฐมนตรี มาตรา 160
และผลที่เกิดขึ้นชัดเจน คือการฟอร์ม ครม.รัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร มีความพิถีพิถัน ตรวจสอบคุณสมบัติเข้มข้นและนานกว่าปกติ ถึงขั้นว่ากันว่า “คุณหญิงอ้อ” พจมาน ดามาพงศ์ เข้าไปกำกับดูแลเรื่องนี้เอง
ส่งผลให้รัฐมนตรีหลายคนหายไปจากรายชื่อ ครม. ต้องส่งนอมินีแทน เป็นพ่อบ้าง น้องชายบ้าง ลูกสาวบ้าง ท่ามกลางเสียงวิพากษ์เหน็บแนมว่า เป็นรัฐมนตรีโควตาตระกูลบ้าง แต่กระนั้น รัฐมนตรีที่อาจเป็นตัวแทนเหล่านี้ สามารถทำหน้าที่แทนรัฐมนตรีตัวจริงได้ ไม่ถึงขั้นทำให้การเดินหน้าของรัฐบาลสะดุด แม้บางคนอาจจะหาผลงานยากไปหน่อยก็ตาม
แต่ไม่ได้ถึงขั้นต้องหาทางเปลี่ยนแปลงหรือยกเลิกคุณสมบัติที่เข้มข้น และผู้คนยอมรับ เพียงเพื่อกลับไปเอารัฐมนตรีที่มีประวัติ หรือสุ่มเสี่ยงต่อปมจริยธรรมนักการเมืองกลับมาทำหน้าที่รัฐมนตรีใหม่ แม้จะมีข่าววงในว่า บางคนพยายามตีปี๊บหวังบีบให้มีการปรับ ครม.เพื่อหวังคัมแบค และอาจคาดหวังจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อมีการยื่นเรื่องไปแล้ว แต่สุดท้ายก็โดนตีตกดังกล่าว
กระทั่งรัฐมนตรีระดับแกนนำรัฐบาลจากหลายพรรคต้องออกโรงพูดเรื่องนี้สอดคล้องกัน รวมทั้งนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่เห็นว่า คงต้องใช้มาตรฐานแต่งตั้ง ครม.ที่เข้มข้นเหมือน “รัฐบาลอิ๊งค์ 1”
จึงเป็นข้อดีของการยังอยู่เรื่องจริยธรรมนักการเมือง และมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ แทนที่จะหวังลดโทนและความเข้มข้นเพื่อเอาใจนักการเมืองขาใหญ่แต่หลังลาย และมีประวัติสุ่มเสี่ยง
ต้องไม่ลืมวลี “กรุงศรีฯไม่เคยสิ้นคนดี” คนใหม่ ๆ ที่มีประวัติดี รักประเทศชาติ หวังทำงานอย่างจริงจัง มีถมเถไป
วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา บรรณาธิการอาวุโส
อ่านข่าว : เปิดชีวิต "ลูกบ่าวไข่นุ้ย" จากเกเรสู่ช้างป่าขี้อ้อนในคอกบริบาลแห่งแรก
5 เดือน "ช้างป่า" ทำร้ายตาย 18 คน ชง 749 ล้านแก้ปัญหาเร่งด่วน