กรณีการส่งชาวอุยกูร์ 40 คนกลับจีนช่วงปลายเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ท่ามกลางเสียงคัดค้านของนานาประเทศ และองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนทั่วโลก โดยเฉพาะรัฐสภาสหภาพยุโรป มีมติประณามไทย และให้ใช้เรื่องการเจรจา FTA เป็นเครื่องมือกดดันรัฐบาลไทยในการดูแลสิทธิมนุษยชน
วันนี้ (18 มี.ค.2568) เหมา หนิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ออกมาแสดงท่าทีเป็นครั้งแรก โดยระบุว่าการส่งกลับเป็นความร่วมมือระหว่างจีน และไทย ในการต่อสู้กับการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ที่สอดคล้องกับกฎหมายของทั้งสองประเทศ
สหรัฐฯ ไม่มีสิทธิแทรกแซงใดๆ และมองว่าสหรัฐฯ พยายามทำให้เรื่องนี้เป็นประเด็นทางการเมือง ดำเนินการแบบ 2 มาตรฐาน เพื่อปราบปรามผู้เห็นต่าง ทั้งที่สหรัฐฯ เองก็เนรเทศคนเข้าเมืองผิดกฎหมายไปกว่า 270,000 คนในปีก่อน

เหมา หนิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน
เหมา หนิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน
จีนลั่นสหรัฐฯ ไม่มีสิทธิแทรกแซง
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ระบุอีกว่า จีนขอประฌามการใส่ร้ายที่มุ่งร้ายใด ๆ และการคว่ำบาตรที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพื่อเล็งเป้าเล่นงานจีน และไทย และคัดค้านอย่างถึงที่สุดต่อการที่สหรัฐฯ ใช้ประเด็นเรื่องสิทธิมนุษยชน เป็นข้ออ้างที่บิดเบือนประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับซินเจียง แทรกแซงกิจการภายในจีนของ และก่อความปั่นป่วนต่อความร่วมมือบังคับใช้กฎหมาย ระหว่างจีนและประเทศอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
ท่าทีของโฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน มีขึ้นเพียงหนึ่งวันก่อนที่คณะจากไทย พร้อมสื่อมวลชนที่ได้รับเลือก จะเดินทางไปติดตามความเป็นอยู่ของชาวอุยกรู์ที่ถูกส่งกลับ ที่มีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมพร้อมคณะจะเดินทางไปติดตามชาวอุยกูร์ระหว่างวันที่ 18-20 มี.ค.นี้
อ่านข่าว สหรัฐฯ ประกาศจำกัดวีซ่า "จนท.รัฐบาลไทย" ตอบโต้ปมส่งชาวอุยกูร์ไปจีน
นายภูมิธรรม ให้สัมภาษณ์ว่า การเดินทางไปจีนครั้งนี้ จะมีการบรรยายสรุปจากทางฝ่ายจีน โดยจีนอ้างอิงข้อจำกัดการเข้าถึงตัวผู้ที่ถูกส่งกลับว่าบ้านพักของคนที่กลับจากไทย แต่ละคนอยู่ในพื้นที่ห่างไกล ระยะเวลาที่คณะไปได้ก็ค่อนข้างจำกัด
ดังนั้นอาจจะได้เจอกับคนที่ส่งกลับไปสัก 5 คน จาก 40 คน และชุดที่ถูกส่งกลับไปในปี 2557 อาจจะได้เจอ 1 คน จาก 150 คน แล้วอีก 1 เดือน รัฐมนตรีต่างประเทศ จะไปติดตามอีกรอบ ยืนยันว่าจะพยายามทำให้ทุกอย่างโปร่งใสที่สุด
อ่านข่าว
เปิดกำหนดการ "ภูมิธรรม" เยี่ยมอุยกูร์ 18-20 มี.ค.นี้