หลังจากวานนี้ (20 มี.ค.68) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประกาศผ่อนคลายเกณฑ์ LTV หรือ “Loan to Value” ตามที่เอกชนภาคอสังหาริมทรัพย์ เรียกร้องมาตลอด เป็นมาตรการที่จำกัดการให้สินเชื่อซื้อที่อยู่อาศัย เพื่อไม่ให้เกิดการก่อหนี้เกินตัวและการซื้อเพื่อเก็งกำไร แต่เป็นการปลดล็อก ชั่วคราวระยะเวลา 1 ปีเท่านั้น
- ศูนย์อสังหาฯ ห่วงตลาดที่อยู่อาศัยปี 66 ชะลอตัว เหตุ "สิ้นสุดมาตรการ LTV -ดอกเบี้ยขาขึ้น"
- 7 สมาคมอสังหาฯ ยื่นหนังสือ ธปท.ฟื้นมาตรการกู้เต็มเพดาน

มาตรการดังกล่าว ภาคอสังหาริมทรัพย์มองว่า เป็นมาตรการทางการเงินที่อาจช่วยฟื้นตลาดอสังหาฯได้ แต่ก็ต้องการให้ภาคการคลัง เร่งฟื้นอีกมาตรการ คือ การลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนอง ออกมาพร้อม ๆ กัน เพื่อเป็นแรงเสริมกระตุ้นตลาด
เหตุผลที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ยอมผ่อนคลายมาตรการ เป็นเพราะเห็นว่า ภาคอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบัน ชะลอตัวต่อเนื่อง และยังไม่มีสัญญาณฟื้นตัวชัดเจน การผ่อนคลาย LTV อาจช่วยประคับประคองภาคอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะ การช่วยระบายหน่วยเหลือขายคงค้างที่อยู่ในระดับสูง และอาจช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวมได้

การผ่อนคลายมาตรการ LTV ครั้งนี้ สามารถขอสินเชื่อที่อยู่อาศัย ได้สูงถึง 100 % ของมูลค่าหลักประกัน ในกลุ่มที่อยู่อาศัยราคาต่ำกว่า 10 ล้านบาท มีผลกับการกู้ซื้อที่อยู่อาศัย หลังที่ 2 เป็นต้นไป และอีกกลุ่มคือ การกู้ซื้อที่อยู่อาศัย ราคาตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป มีผลกับกู้ซื้อตั้งแต่หลังแรก ซึ่งเป็นการผ่อนคลายชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.ปีนี้ ไปจนถึง 30 มิ.ย.ปี 2569 เพราะ ธนาคารแห่งประเทศไทย มองว่า การบังคับใช้เกณฑ์ LTV ยังมีความสำคัญ เพื่อดูแลมาตรฐานการให้สินเชื่อของสถาบันการเงิน และช่วยลดความเสี่ยงหนี้เสีย

นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต นายกสมาคมอาคารชุดไทย
นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต นายกสมาคมอาคารชุดไทย
นอกจากการผ่อนคลายมาตรการ LTV นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต นายกสมาคมอาคารชุดไทย ยังเรียกร้องไปยังกระทรวงการคลัง ขอให้เร่งต่ออายุมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนและค่าจดจำนองให้เร็วที่สุด ภายในสิ้นไตรมาส 1 หรือ ต้นไตรมาส 2 อาจจะช่วย กระตุ้นภาคอสังหาจากเดิมที่ติดลบให้ฟื้นตัวได้ ร้อยละ 5 - 10 ในปีนี้

ขณะที่ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง ระบุว่า พยายามหาแนวทางในการช่วยเหลือภาคอสังหาริมทรัพย์ในทุกมิติ ทั้ง การดูปัญหาการปล่อยสินเชื่อ รวมถึงการหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ออกมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนและการจดจำนอง ตามที่ภาคอสังหาฯ เสนอ ซึ่งคาดว่าจะ มีข้อสรุปภายใน 1 เดือน
มีข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทย ที่เปรียบเทียบผลจากการผ่อนคลายมาตรการ LTV ในอดีตที่ผ่านมา ในปี 2552 พบว่า สินเชื่อที่อยู่อาศัยของระบบธนาคารกลับมาขยายตัวสูงขึ้น ขณะที่ในปี 2564 แม้ยอดคงค้างสินเชื่อที่อยู่อาศัยจะชะลอตัวแต่ก็มีส่วนช่วยทำให้การปล่อยสินเชื่อใหม่ฟื้นตัวกลับมา

จึงมีการประเมินว่า การผ่อนคลายมาตรการ LTV ครั้งนี้ จะมีส่วนช่วยกระตุ้นทำให้เกิดการปล่อยสินเชื่อใหม่ โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพรายได้ระดับกลางไปจนถึงระดับบน ซึ่งเป็นกลุ่มที่สถาบันการเงินสามารถจัดการความเสี่ยงได้
การผ่อนคลายมาตรการ LTV โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยราคาสูงกว่า 10 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 10 ของตลาดอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมด หากมียอดการกู้กลุ่มนี้เพิ่มขึ้น เพียงแค่ประมาณร้อยละ 1 ก็คาดว่า จะทำให้ตลาดสินเชื่อที่อยู่อาศัย โดยรวมขยับเพิ่มขึ้นได้ ร้อยละ 0.1 ถึงร้อยละ 0.2 และถ้าหากมีการลดค่าธรรมเนียมการโอนเข้ามาเสริม ก็เป็นโอกาสที่ภาคอสังหาริมทรัพย์ไทยจะเติบโตได้มากกว่านี้

อ่านข่าว : ธปท.ผ่อนคลายเกณฑ์ LTV ช่วยประคองภาคอสังหาริมทรัพย์
วงการบันเทิงสูญเสีย "สีดา พัวพิมล" นักแสดงมากฝีมือ อายุ 70 ปี
สภาผู้บริโภคจ่อฟ้อง 4,000 ล้าน เยียวยาอุบัติเหตุ ถ.พระราม 2