วันนี้ (25 มี.ค.2568) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า ตลอดเวลา 2 วันของการอภิปราย เป็น 2 วันที่ตนได้ยินชื่อตัวเองมากที่สุดในชีวิต และคิดว่าทุกคนได้ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ อาจมีการกระทบกระทั่งกันบ้างก็ถือเป็นเรื่องปกติและคิดว่าจะสามารถทำงานร่วมกันต่อไปได้
ผู้นำฝ่ายค้านย้ำเรื่องภาวะผู้นำและเรื่องการถูกครอบงำ ซึ่งผู้ที่ย้ำเรื่องเดิมๆ อยู่หลายครั้งไม่แน่ใจว่าเป็นสิ่งที่ตัวเองขาดหรือไม่ ไม่ใช่แค่ตนเองที่ถูกกล่าวหาเรื่องการถูกครอบงำ แต่ท่านเองก็ถูกกล่าวหาว่าครอบงำเช่นกัน ต่างกันที่ตนถูกกล่าวหาว่าถูกครอบงำโดยพ่อ (นายทักษิณ ชินวัตร) แต่ของท่านถูกครอบงำโดยคนที่ไม่ใช่พ่อ ส่วนตัวเคารพและให้เกียรติผู้นำฝ่ายค้าน มองว่าอายุใกล้กันก็ควรมีความเข้าใจ อีกทั้งเส้นทางทางการเมืองก็มีความคล้ายกัน ซึ่งเราเจอชะตากรรมและการถูกระทำของพรรคการเมือง จนทำให้มาถึงวันนี้
ถ้าพรรคของตนไม่ถูกกระทำทางการเมือง เราอาจยังมีนายกฯ ที่่ชื่อ ทักษิณ ชินวัตร และพรรคของท่านก็อาจมีหัวหน้าพรรคที่ชื่อ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ก็ได้
แต่ชะตากรรมทางการเมืองมาเป็นแบบนี้ ทั้งตนและผู้นำฝ่ายค้านคงต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด การด้อยค่าคนอื่นแบบนี้เป็นสิ่งไม่ควรทำ การที่ตนเป็นลูกของนายทักษิณ ถูกวิจารย์และถูกปรามาสมาตั้งแต่ยังเป็นนิสิต จนถึงทุกวันนี้ที่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ก็มองว่าไม่ใช่เรื่องแปลกและไม่ใช่เรื่องเสียหายที่จะนำคำแนะนำของนายทักษิณมาพิจารณา เพราะถือเป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถและได้รับการยอมรับทั้งในและต่างประเทศ

ขณะเดียวกันมีนักการเมืองหลายคนถูกตัดสิทธิทางการเมืองและถูกยุบพรรค แต่ก็ยังเดินหน้าทำงานการเมือง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องนโยบาย การเดินสายหาเสียงพบประชาชน ยังสามารถทำได้ แต่เหตุใดจึงเป็นนายทักษิณเพียงคนเดียวที่ทำแล้วเป็นประเด็น
นายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงเรื่องของการส่งชาวอุยกูร์ 40 คนกลับประเทศจีน ว่า ขณะนี้ยังไม่มีกฎหมายในเรื่องของผู้ลี้ภัย เมื่อมีการลักลอบเข้าเมืองก็ถูกดำเนินคดีตามขั้นตอน โดยยึดหลักมนุษยธรรมและสิทธิมนุษยชน ซึ่งการกักขังชาวอุยกูร์เป็นเวลา 10 ปี ประเทศจีนได้ทวงถามและแสดงเจตจำนงขอรับตัว ส่วนประเทศที่ 3 ไม่มีการขออย่างเป็นทางการ รัฐบาลจึงได้ติดต่อกับทางการจีนเพื่อขอให้ยืนยันเรื่องความปลอดภัยและมีการทำหนังสือออกมา ถือเป็นพันธะสัญญาต่อสังคมโลก ไทยจึงได้ส่งกลับชาวอุยกูร์และมีการติดตามความเป็นอยู่
ทั้งนี้ เชื่อว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับทุกฝ่ายและประเทศไทย ส่วนที่มีบางประเทศออกมาประณามหรือไม่ยอมรับนั้น ประเทศไทยเคารพทุกความคิดเห็นและสิ่งที่ทำได้คืออธิบายให้ทุกประเทศเข้าใจ
"การที่ผู้อภิปรายกล่าวหาว่ารัฐบาลทำผิดในเรื่องนี้ อยากทราบว่าได้มองครบทุกมิติในโลกแล้วหรือไม่ และการเป็นนักสิทธิมนุษยชนที่มีมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก ก็ไม่แน่ใจว่าท่านใช้สองมาตรฐานหรือไม่ โดยเฉพาะกับรัฐบาลนี้ เพราะเท่าที่จำได้ยังไม่มีพรรคการเมืองไหนมีนโยบายเรื่องผู้ลี้ภัย ซึ่งอาจใช้เวทีนี้ออกนโยบายหรือประกาศไปเลยว่าจะทำตามที่ผู้ลี้ภัยต้องการ หรือมีแนวทางอย่างไร เพื่อให้ประชาชนได้รับฟัง"

น.ส.แพทองธาร ยังระบุถึงเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า เป็นนโยบายของพรรคเพื่อไทยที่ขณะนั้นยังเป็นฝ่ายค้าน โดยได้ลงนามสัตยาบันร่วมกันเพื่อผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญหลายครั้ง แต่ไม่สำเร็จ เมื่อได้เป็นรัฐบาลก็ได้แถลงนโยบายนี้ต่อรัฐสภา โดยมีจุดยืนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยไม่แตะหมวด 1 และหมวด 2 แต่ข้อกฎหมายที่ซับซ้อนทำให้การแก้ไขดำเนินการไปได้ยาก และมีข้อเห็นต่างจากพรรคร่วมรัฐบาลและวุฒิสภา ทั้งเรื่องของกฎหมายการทำประชามติและจำนวนครั้งในการทำประชามติ ซึ่งเราพยายามเดินไปข้างหน้า ล่าสุดพรรคร่วมรัฐบาลลงมติเห็นชอบให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญ แม้จะช้าไปบ้าง แต่ถือเป็นโอกาสแห่งความสำเร็จ
ท่านเรียกร้องให้ดิฉันแสดงว่าภาวะผู้นำ ความจริงไม่ต้องเรียกร้องเพราะดิฉันทำอยู่ตลอดเวลา โดยได้หารือกับพรรคร่วมรัฐบาลในทุกนโยบาย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น แสวงจุดร่วมและสงวนจุดต่าง
นอกจากนี้ยังมีผู้อภิปรายเรื่องการต่อสู้ของประชาชน ยืนยันว่ารัฐบาลนี้เคารพสิทธิเสรีภาพและการแสดงออกของทุกฝ่าย ไม่เคยลืมว่าครั้งหนึ่งเคยบอบช้ำและเจ็บปวด โดยพรรคเต็มไปด้วยนักการเมืองที่ต่อสู้เคียงข้างประชาชนและเห็นประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ โดยมีคนเสื้อแดงและมีลูกหลานของคนเสื้อแดงอยู่ในพรรค แม้จะไม่ได้พกหมวกหรือพกผ้าพันคอมา แต่ก็แสดงเรื่องนี้อย่างจริงจังและอยู่ในใจของพวกเราเสมอ
นอกจากนี้ นายกฯ กล่าวถึงดีลแลกประเทศ ว่า หากคำว่า "ดีล" หมายถึงการเจรจาหาข้อสรุปร่วมกัน การเมืองทุกที่บนโลกใบนี้ต้องมีดีล และก่อนหน้านี้รัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทยก็เคยดีลกับพรรคของท่าน และพรรคของท่านก็มาดีลกับพรรคของเรา แล้วเราก็ยกมือโหวตให้กับแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคของท่าน ด้วยความเชื่อว่าพวกท่านสามารถรวมเสียงจากสมาชิกวุฒิสภาสำเร็จแล้ว ซึ่งเป็นการดีล เช่นนั้นไม่ว่าจะเป็นระดับ 2 คน หรือระดับทุกคนในพรรค จึงทำให้เราดีลด้วย
ปี 2562 พรรคเพื่อไทยดีลกับพรรคของท่าน ซึ่งมาดีลกับเราให้ยกมือให้กับแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคท่าน ขณะนั้นพรรคของท่านมีเสียง สส.เป็นอันดับ 3 และการเลือกตั้งปี 2566 ท่านเป็นพรรคอันดับ 1 มาดีลกับพรรคเรา ซึ่งก็ตอบรับและยกมือให้กับแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคท่านอีกครั้ง แม้ครั้งแรกไม่ผ่าน เราก็ยกมือให้กับท่านเป็นครั้งที่ 2 ตามที่ดีลกันไว้ โดยยกมือให้กับแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคท่านมาโดยตลอด แต่เท่าที่จำได้ท่านไม่เคยยกมือให้กับแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเรา และเมื่อท่านตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จ เราก็เดินหน้าตั้งรัฐบาลต่อไป ซึ่งเป็นเรื่องปกติของระบบรัฐสภา

น.ส.แพทองธาร ย้ำว่า การตั้งรัฐบาลครั้งนี้มีความตั้งใจที่จะผลักดันนโยบายสู่ประชาชน ส่วนการกล่าวหาว่านโยบายไม่ตรงปก แต่เงิน 10,000 ถึงมือประชาชน ถามประชาชนแล้วหรือยังว่ามีความสุขกับสิ่งนั้นหรือไม่ การกระตุ้นเศรษฐกิจเกิดขึ้นแล้ว หากไม่กระตุ้นจะกระเตื้องแบบนี้หรือไม่ หากไม่เริ่มนับหนึ่งตั้งแต่วันนั้น วันนี้ก็ยังคงจะติดลบอยู่และเมื่อไหร่ประเทศไทยจะเคลื่อนไปข้างหน้า
รัฐบาลแบกเรื่องนี้ไว้และทำความเข้าใจกับประชาชน โดยได้ดำเนินนโยบายต่างๆ และเดินสายไปต่างประเทศเพื่อนำเงินเข้าประเทศ แล้วทำให้การลงทุนของประเทศไทยสูงสุดในรอบ 10 ปี ทั้งที่เราเป็นรัฐบาลยังไม่ถึง 1 ปี
ไม่มีใครที่อยากถูกกล่าวหา วันนี้เกิดความชัดเจนและสร้างการเมืองแบบใหม่ ท่านก็ประกาศให้ชัดเจนเลยว่าสมัยหน้าจะร่วมหรือไม่ร่วมกับใคร พูดให้ชัดตั้งแต่วันนี้ ประชาชนจะได้สบายใจ
อ่านข่าว
"ศิริกัญญา" ชี้ "แพทองธาร" มือไม่ถึงบริหารเศรษฐกิจล้มเหลว
"ชยพล" อัดนายกฯ ปล่อยขบวนการไอโอ แทรกแซงการเมือง ประท้วงวุ่น
"ภูมิธรรม" ยันรัฐบาลไม่มีนโยบายทำ IO ชี้ฝ่ายค้านอภิปรายเรื่องเก่า