"เกียวโต" เมืองหลวงเก่าแก่ที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรม วัดวาอาราม และ วิถีชีวิตดั้งเดิม เป็นจุดหมายยอดนิยมด้วยมรดกโลกของยูเนสโกถึง 17 แห่ง แต่ทุกวันนี้ เกียวโตกลายเป็นภาพของความแออัด
โดยเฉพาะที่ป้ายรถบัสย่านฮิกาชิยามะ (Higashiyama) ซึ่งมีคนต่อคิวยาว 50-60 คนในช่วงเย็น รถบัสจำกัดจำนวนผู้โดยสาร เมื่อเต็มแล้วต้องรอคันต่อไป บางครั้งต้องรอนานเกินครึ่งชั่วโมงและรอถึง 3-4 คันกว่าจะได้ขึ้น แถมยังต้องเบียดกันจนแทบไม่น่าเชื่อว่านี่คือระบบขนส่งสาธารณะชั้นนำของโลก

บริเวณทางขึ้นหน้าวัดคิโยมิซุ เกียวโต
บริเวณทางขึ้นหน้าวัดคิโยมิซุ เกียวโต
ไม่ใช่แค่เกียวโตที่เจอปัญหานี้ โตเกียว โอซากะ ฮอกไกโด และเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมอื่น ๆ ก็เผชิญสถานการณ์เดียวกัน โดยเฉพาะในฤดูท่องเที่ยว เช่น ฤดูหนาว ใบไม้เปลี่ยนสี และช่วงซากุระบานที่เพิ่งผ่านไป ดอกซากุระที่บานสะพรั่งทั่วเกาะดึงดูดนักท่องเที่ยวให้หลั่งไหลเข้ามามากขึ้นทุกปี
องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งญี่ปุ่น (JNTO) รายงานว่า ในปี 2024 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเยือนญี่ปุ่นถึง 36.9 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 47.1 หรือราว 5 ล้านคน จาก 31.9 ล้านคนในปี 2023 ปัจจัยหลักมาจากนโยบายยกเว้นวีซาสำหรับ 70 ประเทศ ค่าเงินเยนที่อ่อนลง (จาก 110 เยนต่อดอลลาร์ในปี 2019 เหลือ 140-160 เยนในปี 2024) และความงดงามของวัฒนธรรมและธรรมชาติ

ทางเดินขึ้นวัดคิโยมิซุ หรือ วัดน้ำใส เกียวโต หนึ่งในสถานที่ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลกจากยูเนสโก คราครั่งไปด้วยนักท่องเที่ยว
ทางเดินขึ้นวัดคิโยมิซุ หรือ วัดน้ำใส เกียวโต หนึ่งในสถานที่ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลกจากยูเนสโก คราครั่งไปด้วยนักท่องเที่ยว
นักท่องเที่ยว 3 อันดับแรกที่เดินทางท่องเที่ยวญี่ปุ่น
- เกาหลีใต้ จำนวน 8.8 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 26.7
- จีน จำนวน 7 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 187.9
- ไต้หวัน จำนวน 6 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 43.8
ส่วนไทยอยู่อันดับ 6 จำนวน 1.1 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.2
เป็นที่น่าสังเกตุว่าในปีที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวจีนเพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ ถึงร้อยละ 187.9 นอกจากค่าเงินเยนที่อ่อนตัวลงแล้ว นโยบายวีซาที่ญี่ปุ่นผ่อนคลายให้จีน ส่งผลให้ญี่ปุ่นกลายเป็นจุดหมายปลายทางอันดับ 1 ของนักท่องเที่ยวจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเดือน ม.ค.2025 เพียงเดือนเดียว ญี่ปุ่นต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนกว่า 980,000 คน มากกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วถึง 2 เท่า

ถนนคนเดินบริเวณ ศาลเจ้าดะไซฟุเท็มมังกุ (Dazaifu Tenmangu) แหล่งท่องเที่ยวสัญลักษณ์เมืองฟุกุโอกะ
ถนนคนเดินบริเวณ ศาลเจ้าดะไซฟุเท็มมังกุ (Dazaifu Tenmangu) แหล่งท่องเที่ยวสัญลักษณ์เมืองฟุกุโอกะ
นักท่องเที่ยวที่มากเกินไปส่งผลต่อชีวิตประจำวันของคนญี่ปุ่นอย่างเห็นได้ชัด ในโซเชียลมีเดียปี 2024 มีดรามาเมื่อเจ้าหน้าที่ปิดมุมถ่ายรูปยอดฮิตหน้าร้านสะดวกซื้อที่มีฉากหลังเป็นภูเขาไฟฟูจิ เพราะนักท่องเที่ยวทำตัวไม่เหมาะสม หรือร้านค้าบางแห่งติดป้ายรับเฉพาะคนที่อ่านภาษาญี่ปุ่นได้

หน้า วัดโทไดจิ (Tōdai-ji 東大寺) วัดที่มีความสำคัญและเก่าแก่มากที่สุดของเมืองนารา
หน้า วัดโทไดจิ (Tōdai-ji 東大寺) วัดที่มีความสำคัญและเก่าแก่มากที่สุดของเมืองนารา
นอกจากความแออัด นักท่องเที่ยวบางส่วนยังไม่เคารพกฎ เช่น ส่งเสียงดัง เมาสุราในที่สาธารณะ หรือทำลายสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ปัญหาขยะล้นเมืองและสุขอนามัยก็เพิ่มขึ้น ชาวญี่ปุ่นต้องปรับเปลี่ยนชีวิตประจำวันเพื่อรับมือกับความวุ่นวายนี้ ซึ่งอาจทำลายขนบธรรมเนียมและความสงบที่เป็นเอกลักษณ์
รัฐบาลญี่ปุ่นพยายามแก้ปัญหาด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น เก็บค่าธรรมเนียมเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวแบบ "สองราคา" (ต่างชาติและท้องถิ่นราคาต่างกัน) และวางแผนเปลี่ยนจากระบบ Tax Free (ซื้อสินค้าไม่เสียภาษีทันที) เป็น Tax Refund (จ่ายเต็มแล้วขอคืนภาษีตอนกลับประเทศ) คาดเริ่มใช้ครึ่งหลังปี 2026 เพื่อลดแรงจูงใจในการช็อปปิ้งและควบคุมจำนวนนักท่องเที่ยว ซึ่งคล้ายระบบในยุโรป

วัดโทไดจิ (Tōdai-ji 東大寺) วัดที่มีความสำคัญและเก่าแก่มากที่สุดของเมืองนารา
วัดโทไดจิ (Tōdai-ji 東大寺) วัดที่มีความสำคัญและเก่าแก่มากที่สุดของเมืองนารา
รัฐบาลตั้งเป้า 60 ล้านคนในปี 2030 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่การท่องเที่ยวที่กระจุกตัวในเมืองใหญ่ เช่น เกียวโต โตเกียว และโอซากะ ทำให้เกิดคำถามว่า ญี่ปุ่นจะรักษาสมดุลได้หรือไม่ หากไม่กระจายนักท่องเที่ยวไปยังเมืองรอง วิกฤตนี้ไม่เพียงกระทบชีวิตคนท้องถิ่น แต่ยังเสี่ยงทำลายเอกลักษณ์วัฒนธรรมในระยะยาว การเติบโตทางเศรษฐกิจอาจกลายเป็นหายนะที่คาดไม่ถึง
อ่านข่าวอื่น :