วันนี้ (27 มี.ค.2568) เรื่องราวของ กัญจน์รัตน์ ศักดิกรธนาศิริ หรือ "ไก่" ชาว อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี กลายเป็นที่สนใจของสาธารณชนเมื่อเธอตัดสินใจโคลน "พะแพง" สุนัขที่เธอเคยเลี้ยงไว้ หลังจากพะแพงตายไป เธอเลือกใช้บริการของ Sooam Biotech Research Foundation บริษัทในเกาหลีใต้ที่เชี่ยวชาญด้านการโคลนนิงสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะสุนัข
การตัดสินใจครั้งนี้เกิดขึ้นจากความต้องการที่จะรักษาความทรงจำของพะแพงไว้ในรูปแบบที่ใกล้เคียงที่สุด ซึ่งเป็นไปได้ด้วยเทคโนโลยีการโคลนนิงที่พัฒนามาอย่างต่อเนื่อง กรณีของ กัญจน์รัตน์ ไม่เพียงแต่เป็นข่าวในวงการสัตว์เลี้ยง แต่ยังจุดประกายความสนใจ เกี่ยวกับความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังการโคลนนิงในระดับที่คนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้
การโคลนนิง พะแพง ดำเนินการโดยบริษัท Sooam Biotech ทำให้หลายคนเริ่มตั้งคำถามว่าเทคโนโลยีนี้มาจากไหน และใครคือผู้พัฒนามันจนถึงจุดที่สามารถนำมาใช้ในชีวิตจริงได้ คำตอบนำไปสู่ชื่อของ ฮวาง วู-ซุก (Hwang Woo-Suk) นักวิทยาศาสตร์ชาวเกาหลีใต้ ผู้ก่อตั้ง Sooam Biotech และถือเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในวงการโคลนนิง
เขาคือผู้ที่เคยสร้างผลงานที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก เช่น การโคลนสุนัขตัวแรกของโลก และยังเคยเป็นที่พูดถึงจากทั้งความสำเร็จและความล้มเหลวในงานวิจัยของเขา เรื่องราวของ พะแพง จึงเป็นเพียงจุดเริ่มต้นที่เชื่อมโยงไปสู่ชีวิตและผลงานของนักวิทยาศาสตร์ผู้นี้ ซึ่งมีทั้งความสำเร็จที่เปลี่ยนวงการและประเด็นที่สร้างข้อถกเถียง
วัยเด็กและการศึกษา
ฮวาง วู-ซุก เกิดเมื่อวันที่ 15 ธ.ค.2496 ที่เมืองบูยอ จ.ชุงชองใต้ ประเทศเกาหลีใต้ เขาเติบโตในครอบครัวที่มีฐานะยากจน ชีวิตในวัยเด็กของเขาเต็มไปด้วยความท้าทาย แต่เขามีความมุ่งมั่นที่จะเรียนหนังสือให้สูงที่สุดเท่าที่จะทำได้ ความพยายามนี้ทำให้เขาสามารถสอบเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยแห่งชาติโซล (Seoul National University)
เขาเริ่มต้นด้วยการศึกษาระดับปริญญาตรีในสาขาสัตวแพทยศาสตร์ และสำเร็จการศึกษาในปี 2520 หลังจากนั้น เขาต่อปริญญาโทและปริญญาเอกในสาขา Theriogenology หรือการสืบพันธุ์ของสัตว์ เมื่อจบการศึกษา เขาเริ่มทำงานเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยแห่งชาติโซล และหันมาสนใจงานวิจัยด้านเทคโนโลยีชีวภาพ โดยเฉพาะการโคลนนิง
ก้าวแรกวงการวิทยาศาสตร์
ดร.ฮวาง เริ่มต้นเส้นทางในวงการวิทยาศาสตร์ด้วยการทำงานวิจัยเกี่ยวกับการผสมเทียมและการจัดการพันธุกรรมของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เขาใช้เวลาหลายปีในการพัฒนาความรู้และทักษะในห้องปฏิบัติการ จนกระทั่งในช่วงปี 2533 เขาเริ่มมีผลงานที่เป็นที่จับตามอง และในปี 2542 เขาประกาศว่าได้โคลนวัวนมตัวแรกของเกาหลีใต้ชื่อ "Yeongrong-I" และตามมาด้วยการโคลนวัวสายพันธุ์พื้นเมือง "Jin-I" ในปีเดียวกัน
ผลงานนี้ได้รับความสนใจจากทั้งในและนอกประเทศ เนื่องจากเป็นการแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของเกาหลีใต้ในด้านเทคโนโลยีชีวภาพ ต่อมาในปี 2545 เขารายงานว่าได้พัฒนาหมูที่ผ่านการดัดแปลงพันธุกรรมเพื่อใช้ในการปลูกถ่ายอวัยวะให้มนุษย์ ซึ่งเป็นแนวคิดที่ล้ำสมัยในขณะนั้น
และในปี 2546 เขาอ้างว่าได้โคลนวัวที่ต้านทานโรค BSE หรือโรควัวบ้า ซึ่งเป็นโรคที่สร้างความกังวลในวงการปศุสัตว์ทั่วโลกในขณะนั้น

ดร.ฮวาง วู-ซุก ขณะได้รับการยกย่องจากรัฐบาล
ดร.ฮวาง วู-ซุก ขณะได้รับการยกย่องจากรัฐบาล
จุดเปลี่ยนสำคัญในอาชีพนักวิทยาศาสตร์ของ ดร.ฮวาง เกิดขึ้นในปี 2547 เมื่อเขาและทีมวิจัยตีพิมพ์บทความในวารสาร "Science" โดยระบุว่าได้โคลนตัวอ่อนมนุษย์และสามารถสกัดสเต็มเซลล์ออกมาได้สำเร็จ ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่อ้างว่าทำได้ในมนุษย์
ผลงานนี้สร้างความตื่นเต้นในวงการวิทยาศาสตร์และการแพทย์ เพราะสเต็มเซลล์จากตัวอ่อนมนุษย์มีศักยภาพในการนำไปใช้รักษาโรคต่าง ๆ เช่น โรคพาร์กินสันหรืออาการบาดเจ็บที่ไขสันหลัง ต่อมาในปี 2548 ดร.ฮวาง ตีพิมพ์บทความอีกฉบับในนิตยสาร Science โดยระบุว่าได้พัฒนาสเต็มเซลล์ที่เข้ากับผู้ป่วยแต่ละคนได้ โดยใช้ไข่มนุษย์ 185 ฟอง ซึ่งเป็นจำนวนที่น้อยกว่าที่คาดไว้มาก
ผลงานนี้ทำให้เขาได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวาง รัฐบาลเกาหลีใต้มอบตำแหน่ง นักวิทยาศาสตร์สูงสุด (Supreme Scientist) พร้อมเงินสนับสนุนวิจัยจำนวนมาก และเขากลายเป็นบุคคลสำคัญในระดับชาติ
ในปีเดียวกันนั้น ดร.ฮวาง ยังประสบความสำเร็จอีกครั้งด้วยการโคลน "สนูปปี - Snuppy" สุนัขโคลนตัวแรกของโลก ซึ่งเป็นสุนัขพันธุ์อัฟกันฮาวนด์ โดยเทคนิค somatic cell nuclear transfer (SCNT) โดยนำเซลล์จากสุนัขตัวหนึ่งมาผสมกับไข่ที่เอานิวเคลียสออกแล้ว
ผลงานนี้ได้รับการยืนยันจากนักวิจัยอิสระและตีพิมพ์ในวารสาร Nature ทำให้เขาได้รับการยอมรับในระดับสากล สนูปปี กลายเป็นจุดเริ่มต้นของเทคโนโลยีที่ต่อยอดไปสู่การโคลนนิงสัตว์เลี้ยงในภายหลัง

SNUPPY สุนัขโคลนตัวแรกของโลก
SNUPPY สุนัขโคลนตัวแรกของโลก
"Hwang Scandal" การฉ้อโกงวิทยาศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุด
ความสำเร็จของ ดร.ฮวาง ไม่ยั่งยืน ในปลายปี 2548 เริ่มมีข้อสงสัยเกี่ยวกับความถูกต้องของงานวิจัยสเต็มเซลล์มนุษย์ของเขา นักวิจัยและสื่อเริ่มตั้งคำถามถึงข้อมูลที่เขาเผยแพร่ และในที่สุด มหาวิทยาลัยแห่งชาติโซล ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง ผลการสอบสวนในปี 2549 ระบุว่า ข้อมูลในบทความทั้ง 2 ฉบับของ Science ถูกปลอมแปลง
ไม่มีการโคลนตัวอ่อนมนุษย์หรือสเต็มเซลล์ตามที่อ้างไว้จริง นอกจากนี้ ยังพบว่าเขาได้ไข่มนุษย์มาจากแหล่งที่ไม่เหมาะสม เช่น การรับบริจาคจากนักวิจัยหญิงในทีมของเขาเอง ซึ่งอาจมีการกดดัน และการซื้อไข่จากตลาดมืด ซึ่งขัดต่อกฎหมายและจริยธรรมการวิจัย
เหตุการณ์นี้ถูกเรียกว่า "Hwang Scandal" และกลายเป็นหนึ่งในกรณีฉ้อโกงทางวิทยาศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ บทความของเขาถูกถอนออกจาก Science เขาถูกปลดจากตำแหน่งที่มหาวิทยาลัยแห่งชาติโซล และในปี 2553 เขาถูกดำเนินคดีในข้อหายักยอกเงินวิจัยของรัฐบาลจำนวน 830 ล้านวอน (ประมาณ 19,180,104 บาท) รวมถึงการละเมิดกฎจริยธรรมชีวภาพจากการซื้อไข่มนุษย์อย่างผิดกฎหมาย ศาลตัดสินให้เขารับโทษจำคุก 2 ปี แต่ระงับโทษไว้ 3 ปี ทำให้เขาไม่ต้องรับโทษจำคุกจริง

ดร.ฮวาง วู-ซุก ขณะถูกสื่อสัมภาษณ์เรื่องผลงานวิจัยที่ไม่เป็นความจริง
ดร.ฮวาง วู-ซุก ขณะถูกสื่อสัมภาษณ์เรื่องผลงานวิจัยที่ไม่เป็นความจริง
ก่อตั้งบริษัทรับโคลนสัตว์เพื่อการค้า
หลังจากเหตุการณ์อื้อฉาว ดร.ฮวาง ไม่ได้ถอนตัวจากวงการวิทยาศาสตร์ ในปี 2549 เขาก่อตั้ง Sooam Biotech Research Foundation โดยได้รับการสนับสนุนจากนักลงทุนเอกชน บริษัทนี้มุ่งเน้นการโคลนนิงสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะสุนัข และพัฒนาเทคโนโลยีที่เขาเริ่มต้นจาก Snuppy จนถึงปัจจุบัน ปี 2568 Sooam Biotech ได้โคลนสุนัขไปแล้วกว่า 1,500 ตัว
ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยงจากทั่วโลกที่ยอมจ่ายเงินประมาณ 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัว เพื่อให้ได้โคลนของสัตว์เลี้ยงที่ตายไปกลับมา และ 1 ในนั้นคือ "พะแพง" จากประเทศไทย
นอกเหนือจากการโคลนนิงสัตว์เลี้ยง ดร.ฮวาง ยังมีโครงการอื่น ๆ เช่น การโคลนสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ เช่น หมาป่าเอธิโอเปีย และการพยายามโคลนแมมมอธจากซากที่พบในไซบีเรีย โดยร่วมมือกับนักวิจัยจากรัสเซีย โครงการเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าเขายังคงมุ่งมั่นในงานวิจัยด้านการโคลนนิง
แม้จะไม่ได้อยู่ในวงการวิชาการกระแสหลักอีกต่อไป เขายังคงทำงานในฐานะผู้นำของ Sooam Biotech และขยายขอบเขตการวิจัยไปสู่การโคลนนิงสัตว์ป่าและสัตว์สูญพันธุ์ ซึ่งได้รับความสนใจจากนักวิทยาศาสตร์บางกลุ่ม
ดร.ฮวาง วู-ซุก เป็นบุคคลที่มีผลงานทั้งด้านบวกและลบในวงการวิทยาศาสตร์ การโคลน Snuppy และการพัฒนาเทคโนโลยีโคลนนิงสัตว์เลี้ยงผ่าน Sooam Biotech เป็นผลงานที่ได้รับการยอมรับ แต่เรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับสเต็มเซลล์มนุษย์ ทำให้เกิดคำถามถึงความน่าเชื่อถือและจริยธรรมในการทำงานของเขา กรณีของเขาได้นำไปสู่การปรับปรุงระบบตรวจสอบงานวิจัยในหลายประเทศ และยังคงเป็นหัวข้อที่ถูกนำมาศึกษาในแง่ของความรับผิดชอบของนักวิทยาศาสตร์

ดร.เดวิด ไซรานอสกี ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์วิทยาศาสตร์ และ จริยธรรมทางวิทยาศาสตร์
ดร.เดวิด ไซรานอสกี ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์วิทยาศาสตร์ และ จริยธรรมทางวิทยาศาสตร์
ปัจจุบัน การโคลนนิงสิ่งมีชีวิต ยังคงเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันอยู่ในสังคม โดยเฉพาะในเรื่องจริยธรรมและแนวคิดเกี่ยวกับการปล่อยวาง ตามที่ ดร.เดวิด ไซรานอสกี (David Cyranoski) ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์วิทยาศาสตร์ และ จริยธรรมทางวิทยาศาสตร์ ระบุในวารสาร Nature วารสารวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก เมื่อปี 2547
ว่าการโคลนนิงสัตว์เลี้ยง เช่น ที่ Sooam Biotech ทำ ได้จุดประกายการถกเถียงว่าการสร้างสิ่งมีชีวิตที่มีพันธุกรรมเหมือนกันทุกประการนั้นเหมาะสมหรือไม่ บางกลุ่มมองว่าเป็นการรบกวนวงจรธรรมชาติของชีวิตและความตาย ขณะที่บางกลุ่มเห็นว่าเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการรักษาความผูกพันกับสัตว์เลี้ยงของตน
นอกจากนี้ การใช้ทรัพยากรจำนวนมากในการโคลนนิง ยังถูกตั้งคำถามว่าเป็นการจัดสรรที่สมเหตุสมผลหรือไม่ เมื่อเทียบกับความท้าทายอื่น ๆ เช่น การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมหรือการพัฒนาการแพทย์สำหรับมนุษย์ ตามรายงานของ Nature การโคลนนิงยังเผชิญกับข้อจำกัดทางเทคนิค เช่น อัตราความสำเร็จที่ต่ำและปัญหาสุขภาพของสัตว์โคลน ซึ่งยิ่งเพิ่มน้ำหนักให้กับข้อถกเถียงด้านจริยธรรมในสังคมสมัยใหม่
รู้หรือไม่ : ชื่อ SNUPPY สุนัขโคลนตัวแรกของ ดร.ฮวาง มาจากชื่อเต็ม ๆ Seoul National University Puppy
ที่มา : Embryo Project Encyclopedia, บทความ Woo Suk Hwang convicted, but not of fraud, บทความ Korea's stem-cell stars dogged by suspicion of ethical breach
อ่านข่าวอื่น :
เปิดไทม์ไลน์หนุ่มสิงคโปร์ ต้องสงสัยฆาตกรรมแฟนสาว - ออกหมายจับแล้ว
เปิดไทม์ไลน์ ใช้ "E - Ticket" หวังปิดช่องทุจริตขายตั๋วเข้าอุทยานฯ