ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

สหรัฐฯ-จีนยกระดับสงครามการค้า "ทรัมป์" ระงับภาษี 75 ชาติหวังให้จีนโดดเดี่ยว

การเมือง
10 เม.ย. 68
16:17
509
Logo Thai PBS
สหรัฐฯ-จีนยกระดับสงครามการค้า "ทรัมป์" ระงับภาษี 75 ชาติหวังให้จีนโดดเดี่ยว
อ่านให้ฟัง
07:46อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
"รศ.สมภพ" มองมาตรการตอบโต้การขึ้นภาษี ระหว่าง สหรัฐฯ กับ จีน กระทบต่อการค้าโลก "ทรัมป์" ชะลอภาษี 75 ประเทศ หวังให้จีนโดดเดี่ยว ขณะที่ไทยเจอศึกสองด้านในบริหารจัดการของรัฐบาล ชี้ต้องเดินหน้าเจรจาควบคู่หาตลาดใหม่

หลังจากที่จีนได้ประกาศตอบโต้กำแพงภาษีของสหรัฐอเมริกา โดยการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าเป็น 84% ส่งผลให้ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบสหรัฐอเมริกา ได้ขึ้นภาษีจีน 125% โดยให้มีผลทันทีเป็นการโต้กลับ ในทางกลับกัน อีกมากกว่า 75 ประเทศติดต่อผู้แทนสหรัฐอเมริกา เพื่อพยายามเจรจาหาทางออกในเรื่องการค้า ซึ่งประเทศเหล่านี้ไม่ได้ตอบโต้มาตรการ แต่อย่างใด ผู้นำสหรัฐฯ จึงสั่งระงับการขึ้นภาษีเพิ่มเติม เป็นเวลา 90 วัน ให้มีผลทันทีเช่นกัน

อ่านข่าว : มีผลทันที! ทรัมป์ซัดจีน 125% เบรกภาษี 75 ประเทศ 90 วัน

วันนี้ (10 เม.ย.2568) รศ.สมภพ มานะรังสรรค์ ผู้เชี่ยวชาญด้านประเทศจีน มองมาตรการการตอบโต้ระหว่างสหรัฐอเมริกา และจีน ที่ขึ้นภาษีกันไปมา เรียกได้ว่าเป็นมาตรการฟันต่อฟันตาต่อตาที่นับวันจะขยายตัวเพิ่มมากขึ้น จากเดิมที่อยู่กำจัดเฉพาะเรื่องของเศรษฐกิจ ถ้าขยายตัวต่อไปอาจจะไปสู่การใช้เรื่องนโยบายทางการเมือง ความมั่นคง เช่นเรื่องภูมิรัฐศาสตร์ที่เข้ามาเกี่ยวพัน ซึ่งเมื่อถึงจุดนั้นสถานการณ์จะน่าห่วงมาก

ซึ่งล่าสุดที่สหรัฐฯ มีการประกาศเมื่อคืนที่ผ่านมา ประกาศแรก คือ ทรัมป์ต้องการที่จะกอบกู้ตลาดหุ้น เพราะในช่วง 3-4 วันที่ผ่านมา มูลค่าการตลาดที่หายประมาณ 600 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ GDP อยู่ที่ 26 ล้านล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ และถ้าสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้จะส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ตามมา เช่นการบริโภคภายในประเทศสหรัฐฯ ลดต่ำลง ซึ่งสหรัฐอเมริกา มีสัดส่วนการบริโภคภายในประเทศมีสัดส่วนถึง 70% ของ GDP ซึ่งจะทำให้ GDP ทรุดตัวลงได้ เมื่อการบริโภคลดลงจะส่งผลกระทบไปถึงภาคบริการลดต่ำลงซึ่งเป็นเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ซึ่งสหรัฐฯ ขับเคลื่อนด้วย 2 เรื่อง คือเรื่องการเงิน และการบริการ

เพื่อเป็นการตัดไฟตั้งแต่ต้นลมเพื่อไม่ให้บานปลาย จึงมีการชะลอภาษี แต่ยังเล่นงานจีนหนักขึ้นเป้าหมายคือต้องการที่จะโดดเดี่ยวจีน

เมื่อวันที่ 2 เม.ย.ที่ผ่านมา ทรัมป์ประกาศสงครามภาษีกับทั่วโลก ซึ่งทรัมป์ได้นำมาสหรัฐอเมริกาโดดเดี่ยว ถูกทั่วโลกวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมาก แต่ขณะเดียวกันเป็นการสำรวจความจงรักภักดีของนานาชาติที่มีต่อสหรัฐอเมริกาด้วย ซึ่งมีประเทศไหนบ้างที่วิ่งเข้าหาเพื่อต้องการเจรจา และได้ผลพอสมควร ซึ่งการประกาศลดภาษีเหลือ 10% ใน 75 ชาติ เพื่อต้องการแยกประเทศเหล่านี้ออกมา และต้องการทำให้จีนโดดเดี่ยวมากขึ้น เช่นเดียวกับเมื่อ 2 เม.ย.ที่สหรัฐอเมริกา เคยโดดเดี่ยวตัวเอง

รศ.สมภพ มองว่าสำหรับประเทศไทยนั้นมีความเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานกับจีนค่อนข้างมาก เนื่องจากจีนใช้ภาคผลิตเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ขณะที่เศรษฐกิจไทยอิงกับภาคเศรษฐกิจจีนเป็นหลักด้วย ดังนั้นเมื่อจีนชะลอการส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกา เพราะเจอภาษีไป 125% จีนจึงมีความจำเป็นต้องลดทอนการนำเข้าวัตถุดิบ ชิ้นส่วนต่างๆ ที่นำเข้ารวมถึงจากไทยด้วย ขณะที่สินค้าที่มีกำลังการผลิตล้นในจีนก็อาจจะส่งออกไปยังประเทศอื่นๆ ที่ไม่ใช่สหรัฐอเมริกาเพิ่มมากขึ้น ซึ่งการจะทำให้เกิดปัญหาทั้งการนำเข้าและส่งออก ที่เป็นห่วงโซ่อุปทานแบบ 2 ทาง

ทั้งนี้สหรัฐอเมริกาอาจจะมองการณ์ไกลอีกเรื่องหนึ่ง คือต้องการทำให้จีนขัดแย้งกับชาติอื่นๆ ด้วย เพราะเมื่อจีนส่งออกสินค้าราคาถูกไปยังประเทศต่างๆ บรรดาชาติต่างๆ ที่มีสินค้าประเภทเดียวกันที่ผลิตได้เองอยู่แล้ว ก็อาจจะส่งให้ประเทศเหล่านั้นเกิดความไม่พอใจ

เรียกได้ว่าทรัมป์ยิงกระสุนนัดเดียว ได้นกร่วงลงมาเป็นฝูง

เป้าหมายเพื่อไม่จีนขึ้นมากลายเป็นคู่แข่ง เพราะเห็นว่าจีนกำลังหายใจรดต้นคอสหรัฐอเมริกาในหลายๆ เรื่อง โดยเฉพาะเรื่องของเทคโนโลยี GDP ก็เติบโตขึ้นซึ่งอาจโตแซงหน้าสหรัฐอเมริกาได้

นอกจากนี้ยังต้องการตอบสนองนโยบายที่ทรัมป์หาเสียงมาโดยตลอด คือ America First ซึ่งคือภาคอุตสาหกรรม ภาคบริการต่างๆ ต้องกลับบ้าน ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมต้นน้ำอุตสาหกรรมไม่ว่าต้นน้ำ พลังงาน การผลิตน้ำมันดิบ การผลิตแร่ธาตุ เหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดง เป็นต้น ที่สั่งเก็บภาษีอย่างรุนแรงเพราะต้องหาให้อุตสาหกรรมต้นน้ำเหล่านี้ที่โบยบินออกไปจากสหรัฐอเมริกาเนิ่นนานแล้ว ได้กลับบ้าน รวมถึงอุตสาหกรรมกลางน้ำ เช่นรถยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์ ย้ายฐานผลิตไปสหรัฐอเมริกา

สำหรับจีนยังสามารถยืนระยะได้นานแต่ไหนที่จะผ่านสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีนไปได้ นั้น รศ.สมภพ ระบุว่าคงจะรามือยาก เพียงแต่ว่าใครจะอึดกว่าทนกว่า ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องจับตามอง ซึ่งจีนมีฐานรากของเศรษฐกิจสำคัญอยู่ที่ภาคเศรษฐกิจจริง โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรม การผลิตทั้งขายในประเทศและส่งออก แต่จีนเองได้เล็กเห็นว่าสินค้าส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกาไม่ต่ำกว่าครึ่งเป็นการลงทุนจากต่างประเทศ โดยเฉพาะการลงทุนของนักธุรกิจอเมริกันเอง ซึ่งบริษัทที่ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมากเช่น แอปเปิล จะส่งผลให้ราคาไอโฟนเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว เพราะเกือบทั้งหมดของไอโฟนที่ส่งไปขายยังสหรัฐอเมริกาก็ส่งออกไปจากจีน

หรือแม้แต่กระทั่ง วอลมาร์ต บริษัทค้าปลีกขนาดใหญ่ในสหรัฐและหลายประเทศทั่วโลก ที่นำเข้าสินค้าจากจีนไปขายสหรัฐอเมริกาประมาณ 50,000 - 60,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

สำหรับจุดยืนของไทย ต้องเดินหน้าเจรจากับสหรัฐอเมริกา แต่ขณะเดียวกันต้องดูสินค้าใหม่ๆ ที่เข้ามาแข่งขันในไทยด้วย ซึ่งถือว่าต้องเจอศึกสองด้านที่ทำให้การบริหารจัดการของรัฐบาลมีความยุ่งยากขึ้น ต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะผ่อนหนักให้เป็นเบา

ส่วนจีนต้องดูว่าสินค้าต่างๆ ที่เข้ามาในลักษณะไหน ช่องทางอย่างไรที่ทำให้ได้ผลประโยชน์ร่วมกัน และสามารถส่งออกสินค้าไปยังจีนได้มากขึ้น ไม่ใช่แค่สินค้าที่นำไปผลิตต่อเท่านั้น แต่ต้องส่งออกไปยังผู้บริโภคได้โดยตรง เช่น ผัก ผลไม้
"ต้องดูลู่ทางว่าด้านหนึ่งเราสามารถส่งออกได้มากขึ้นในสินค้าอุปโภคบริโภคได้อย่างไร ในขณะเดียวกันต้องดูว่าสินค้าที่จะเข้ามาควบคุมดูแลอย่างไร"

อ่านข่าว :

จับตาศึกยก 2 สังเวียนการค้าโลก "อเมริกา-จีน" เดินเกมตอบโต้

เปิดเบื้องหลัง! ทรัมป์ยอมจำนน "พันธบัตร" ทรุด หยุดภาษี 90 วัน

หุ้นเอเชียพุ่งขานรับ "ทรัมป์" ระงับเก็บภาษีนำเข้า 90 วัน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง