ระหว่างวันที่ 28-29 เม.ย.2568 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ จ.สกลนคร และนครพนม ร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี นอกสถานที่ (ครม.สัญจร) แม้ระหว่างภารกิจครั้งนี้ นายกฯจะมีอาการป่วยเล็กน้อย แต่ยังคงพบปะประชาชนพร้อมรอยยิ้ม และสีหน้าสดใส
ในการลงพื้นที่ครั้งนี้ นายกฯ แพทองธาร ได้ร่วมพิธีสักการะพญาศรีสัตตนาคราช ณ ลานพนมนาคา ต.ในเมือง อ.เมืองนครพนม มีพราหมณ์ประกอบพิธี กล่าวคำบูชาและขอพรองค์พญาศรีสัตตนาคราช พร้อมชมการแสดง "เรือไฟ" ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ที่รัฐบาลจะผลักดันประเพณีไทยสู่ประเพณีไหลเรือไฟโลก

ขณะเดียวกันรัฐมนตรีหลายคนก็ลงพื้นที่ปฏิบัติภารกิจสำคัญ เช่น นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ลงพื้นที่ค่ายพระยอดเมืองขวาง รับฟังรายงานการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตามมาตรการซีลพื้นที่ชายแดน 2 ชั้น
น.ส.ธีรรัตน์ สําเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ก็ลงพื้นที่เยี่ยมชมศูนย์หัตถกรรมวัดพระธาตุประสิทธิ์ "นาหว้าโมเดล" ร่วมกับนายกรัฐมนตรี เช่นเดียวกับนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ ก็เป็นประธานเปิดงานสัมมนาเรื่อง "FTA ขยายธุรกิจ พิชิตส่งออก" ในพื้นที่นครพนม
นอกจากนี้ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม ประชุมร่วมภาครัฐและเอกชน เพื่อขับเคลื่อนโครงการพัฒนาด้านคมนาคมในภาคอีสานตอนบน ซึ่งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดังกล่าวจะช่วยเชื่อมโยงไทยกับ ลาว เวียดนาม และภาคใต้ของจีน ที่ไม่เพียงแต่สนองนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง ยังส่งเสริมการเป็นประตูการค้าสู่อนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ที่จะช่วยพัฒนาพื้นที่ทั้งสร้างงาน รายได้ และโอกาส
โครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 223 ตอน อ.นาแก - บ้านต้อง อ.ธาตุพนม จ.นครพนม เป็นทางหลวงในแนวตะวันตก - ตะวันออก เชื่อมต่อ จ.สกลนคร - นครพนม ซึ่งสามารถเชื่อมต่อไปยังสะพานมิตรภาพไทย - ลาว แห่งที่ 2 (มุกดาหาร - สะหวันนะเขต) และแห่งที่ 3 (นครพนม - คำม่วน) ปัจจุบันอยู่ระหว่างการจัดซื้อจัดจ้าง คาดเปิดใช้งานปี 2570
นอกจากนี้ โครงการก่อสร้างรถไฟสายใหม่ บ้านไผ่ - นครพนม ซึ่งจะช่วยพัฒนาศักยภาพการขนส่งทางรางของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่การรถไฟแห่งประเทศไทยเร่งจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินและดำเนินการก่อสร้าง เพื่อเปิดให้บริการในปี 2570

หนึ่งในนั้นคือ โครงการก่อสร้างถนนเลียบแม่น้ำโขง "นาคาวิถี" ช่วงสะพานมิตรภาพไทย - ลาว (แห่งที่ 2) - พระธาตุพนม ของกรมทางหลวงชนบท (ทช.) ซึ่งเป็นการยกระดับถนนเพื่อการท่องเที่ยวและเส้นทางชุมวิวทิวทัศน์เลียบริมฝั่งแม่น้ำโขง ซึ่งวันนี้จะพาไปรู้จักกับโครงการนี้ให้มาขึ้น
โครงการถนนเลียบน้ำโขง "นาคาวิถี" อยู่ตรงไหน
โครงการก่อสร้างถนนเลียบแม่น้ำโขงนาคาวิถี ช่วงสะพานมิตรภาพไทย-ลาว (แห่งที่ 2) อ.เมืองมุกดาหาร จ.มุกดาหาร - พระธาตุพนม อ.ธาตุพนม จ.นครพนม เป็นโครงก่อสร้างที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมทางหลวงชนบท (ทช.) กระทรวงคมนาคม ระยะทาง 43.485 กิโลเมตร
ถนนนาคาวิถี เป็นโปรเจกต์ที่ต้องการยกระดับถนนเพื่อการท่องเที่ยวและเส้นทางชมวิวทิวทัศน์ โดยช่วงสะพานมิตรภาพแห่งที่ 2 ถึงพระธาตุพนม ระยะทาง 43.485 กิโลเมตร ซึ่งปัจจุบันโครงการมีความคืบหน้าและคาดจะดำเนินการแล้วเสร็จในปี 2570
รูปแบบโครงการเป็นการก่อสร้างและปรับปรุงถนนทางหลวงชนบทสาย มห.3003 และ นพ.3015 เป็นถนนคอนกรีตผิวจราจร กว้าง 6 เมตร ไหล่ทางกว้าง ข้างละ 0.00 - 2.00 เมตร พร้อมระบบระบายน้ำในเขตชุมชน และขยายสะพานในสายทางจำนวน 11 แห่ง รวมถึงสร้างจุดพักรถและชมทิวทัศน์
โครงการนี้ มุ่งเน้นให้เป็นถนนเพื่อเพิ่มศักยภาพด้านการท่องเที่ยว และเส้นทางชมทิวทัศน์ (Scenic Route) เส้นทางเลียบแม่น้ำโขง ช่วงมุกดาหาร - นครพนม เพื่อเชื่อเส้นทางการท่องเที่ยวที่สำคัญ ตั้งแต่จวนผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 2 (มุกดาหาร - สะหวันนะเขต) หาดมโนภิรมย์ วัดสองคอน แก่งกะเบา จนถึง พระธาตุพนม

เส้นทาง "นาคาวิถี" ถนนเลียบแม่น้ำโขง
หากพูดถึง จ.นครพนม เมืองที่โอบล้อมด้วยสายน้ำโขง เต็มไปด้วยเรื่องราว วัฒนธรรมหลากสีสัน และโอกาสทางเศรษฐกิจที่กำลังเบ่งบาน นี่คือ นครพนม ดินแดนที่ถูกขนานนามว่า "เมืองแห่งความสุข" และกำลังก้าวจากเมืองรองสู่เมืองที่น่าจับตามอง จ.นครพนม เหมือนกล่องสมบัติที่รอให้ทุกคนมาเปิด ทุกมุมของเมืองนี้มีเรื่องราวที่แปลกใหม่ ไม่ว่าจะเป็นสายมู สายชิล หรือสายผจญภัย แล้วมีอะไรบ้าง
จ.นครพนม เป็นจังหวัดหนึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งมีแลนมาร์คที่สำคัญอย่าง "พระธาตุพนม" ที่เป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทาง "นาคาวิถี" ถนนเลียบแม่น้ำโขงที่หากใครแวะมาเยือน ต้องมาสักการะองค์พระธาตุศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองเพื่อความเป็นสิริมงคล
หลังจากนั้นเดินทางเข้าสู่ถนนสาย นพ.3015 แวะถ่ายภาพเช็กอินบนสะพานน้ำก่ำ - ธาตุพนม ซึ่งอยู่บริเวณปากคลองก่ำที่ไหลลงสู่แม่น้ำโขง สถานที่ชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงามอีกแห่งหนึ่ง
จากนั้นเส้นทางจะลัดเลียบริมแม่น้ำโขงเข้าสู่ อ.หว้านใหญ่ จ.มุกดาหาร พบกับจุดเช็กอิน "แก่งกะเบา" แก่งหินยาวเหยียดตามลำน้ำโขง บนฝั่งยังมีลานหินกว้างใหญ่เป็นสถานที่พักผ่อนชิวๆ และยังมี "พญาศรีภุชงค์มุกดานาคราช" องค์พญานาคสีขาวที่ผู้คนนิยมมาสักการะขอพรทั้งโชคลาภ และความสำเร็จ โดยแก่งกะเบายังถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามยอดนิยมในช่วงฤดูร้อนอีกด้วย
เดินทางมุ่งหน้าต่อไปประมาณ 3.3 กิโลเมตร จะพบกับอีกสถานที่หนึ่ง ที่เคยได้รับรางวัลสถาปัตยกรรมดีเด่น ได้แก่ วัดสองคอน โบสถ์คริสต์นิกายโรมันคาทอลิก โดยตัวอาคารเป็นแบบสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ ซึ่งประชาชนสามารถเข้าเยี่ยมชมได้
จากนั้นมุ่งหน้าไปทางตัวอำเภอเมืองมุกดาหาร จะพบกับหาดมโนภิรมย์ หาดทรายที่จะเกิดขึ้นในช่วงฤดูแล้งซึ่งมีแพริมแม่น้ำโขงไว้คอยให้บริการ และเข้าสู่ถนนสาย มห.3003 เลียบริมแม่น้ำโขง ลอดใต้สะพานมิตรภาพไทย – ลาว แห่งที่ 2 (มุกดาหาร – สะหวันนะเขต) แวะสักการะศาลพ่อปู่พญานาค อนันตนาคราช บริเวณริมสะพาน โดยเส้นทางจะไปสิ้นสุดที่จวนผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร
ทั้งนี้ ทช. มีแผนจะพัฒนาเส้นทางดังกล่าวระหว่างปี 2567 - 2570 ยกระดับถนนให้มีความสะดวกปลอดภัย ขยายผิวจราจรให้มีความกว้างมากขึ้น และยังมีจุดพักรถรองรับประชาชน ให้สามารถสนับสนุนการท่องเที่ยวได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

แวะเช็กอิน "นครพนม" เมืองแห่งความสุขริมฝั่งโขง
ถ้ำนาคีและอุทยานแห่งชาติภูลังกา หากใครชอบความลึกลับและการผจญภัยถ้ำนาคีคือจุดหมายที่ต้องไป ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติภูลังกา ฝั่ง อ.บ้านแพง ที่นี่มีหินรูปเศียรพญานาคขนาดยักษ์ที่ดูเหมือนมีชีวิต เส้นทางเดินป่า 12 กิโลเมตร ผ่านน้ำตกไทรงามและผาสวรรค์ เป็นการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่ทั้งตื่นเต้นและได้สัมผัสธรรมชาติอันบริสุทธิ์
พญาศรีสัตตนาคราช แลนด์มาร์กแห่งศรัทธาและความงาม รูปปั้นพญานาค 7 เศียรขนาดมหาศาลริมโขงนี้ไม่ใช่แค่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่เป็นจุดเช็กอินที่สวยจนต้องร้องว้าว ตอนกลางคืนมีไฟส่องสว่างราวกับพญานาคกำลังขยับตัว มองเห็นวิวภูเขาหินปูนฝั่งลาวเป็นฉากหลัง เหมาะทั้งไหว้ขอพรและถ่ายรูปขณะที่บริเวณใกล้กันยังมีถนนคนเดินสุนทรวิจิตรให้เดินชิล ชิมของอร่อย และสูดอากาศเย็นๆ ริมน้ำ
สะพานมิตรภาพไทย-ลาว 3 สะพานแห่งความฝันและการเชื่อมต่อ สะพานนี้ไม่ใช่แค่ทางเชื่อมไปลาว แต่เป็นจุดชมวิวสุดอลังการที่ให้คุณเห็นแม่น้ำโขงไหลผ่านทิวเขาสลับซับซ้อน ใครอยากถ่ายรูปบนสะพานหรือเดินเล่นที่สวนริมตีนสะพานฝั่งไทยก็ได้ฟีลเหมือนอยู่ในโปสการ์ด
นครพนมไม่ได้มีดีแค่ท่องเที่ยว แต่กำลังกลายเป็นดาวรุ่งทางเศรษฐกิจที่ผสมผสานวัฒนธรรม เกษตรกรรม และการค้าชายแดนได้อย่างลงตัว รัฐบาลกำลังผลักดันนครพนมให้เป็นเมืองหลักด้านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ด้วยมรดกจากอาณาจักรศรีโคตรบูรอันรุ่งเรืองในพุทธศตวรรษที่ 12 ทำให้เมืองนี้มีแหล่งอารยธรรมเก่าแก่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติ
สะพานมิตรภาพไทย-ลาว 3 เป็นเส้นเลือดใหญ่ที่เชื่อมการค้าระหว่างไทยและลาว สินค้าเกษตร ผ้าทอมือ และผลิตภัณฑ์แฮนด์เมดจากนครพนม เช่น ผ้ายกมุกจากบ้านนาพระ อ.นาหว้า ได้รับความนิยมในลาวและเวียดนาม การค้าชายแดนนี้สร้างรายได้ให้ชุมชนและขับเคลื่อนเศรษฐกิจท้องถิ่นอย่างต่อเนื่อง
โครงการ "นาหว้าโมเดล" ที่นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่เยี่ยมชม เป็นตัวอย่างของการพัฒนาชุมชนแบบยั่งยืน ชาวบ้านที่นี่รวมกลุ่มปลูกพืชเศรษฐกิจ เช่น ข้าวอินทรีย์ และผลิตสินค้าแปรรูป ทำให้ชุมชนมีรายได้มั่นคงและลดการพึ่งพาภายนอก โมเดลนี้กำลังถูกขยายไปยังพื้นที่อื่นๆ และกลายเป็นแรงบันดาลใจให้จังหวัดอื่นในอีสาน
การพัฒนาสนามบินนครพนมให้เป็นสนามบินนานาชาติและเพิ่มเส้นทางการบินกำลังอยู่ในแผน รวมถึงการลงทุนในเมกะโปรเจ็กต์ด้านคมนาคมทั้งทางบก ราง และอากาศ เพื่อเชื่อมสกลนคร นครพนม และมุกดาหารเป็นฮับเศรษฐกิจและท่องเที่ยวลุ่มน้ำโขง โครงการเหล่านี้จะช่วยดึงดูดนักลงทุนและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก
นี้อาจเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ทำให้รู้ว่า ทำไม นครพนม ถึงน่าสนใจ นครพนมไม่ใช่แค่เมืองท่องเที่ยวทั่วไป แต่เป็นจุดหมายที่ผสานความหลากหลายได้อย่างลงตัว ความสงบ จากวิถีชีวิตสโลว์ไลฟ์ริมโขง ความหลากหลายทางวัฒนธรรม จากอิทธิพลไทย ลาว และเวียดนาม ที่ผสมผสานในสถาปัตยกรรม อาหาร และประเพณี โอกาสทางเศรษฐกิจ ที่กำลังเติบโต จากการท่องเที่ยว การค้าชายแดน และนวัตกรรมชุมชน
การเดินทางไปนครพนนมหากบินตรงจากกรุงเทพฯ มาสนามบินนครพนมใช้เวลาแค่ 1 ชั่วโมง หรือนั่งรถทัวร์ หรือ รถไฟ ก็ได้เช่นกัน
จ.นครพนม ไม่เพียงมอบประสบการณ์ท่องเที่ยวสุดประทับใจ แต่ยังแสดงให้เห็นถึงพลังของชุมชนและโอกาสทางเศรษฐกิจ ที่รอให้ทุกคนไปสัมผัสด้วยตัวเอง แล้วจะรู้ว่า ความสุขริมโขง เป็นอย่างไร
อ่านข่าว : โอกาสทอง “แรงงาน”ไทย TPQI จัดแนะแนวอาชีพรองรับตลาดแรงงาน