กรมชลฯ หยุดส่งน้ำเพื่อการเกษตร ชาวนาสิงห์บุรีวอนขอสูบน้ำทำนาปีต่อ
ชาวนาในตำบลพิกุลทอง อำเภอท่าข้าม จ.สิงห์บุรี พยายามเจรจากับเจ้าหน้าที่ทหารขอสูบน้ำในแม่น้ำน้อยเพื่อทำนาต่อ แต่เจ้าหน้าที่ทหารปฏิเสธโดยระบุว่าตนต้องทำตามหน้าที่ เพราะมติคณะรัฐมนตรีมีคำสั่งให้ชาวนาหยุดสูบน้ำทำนา เพื่อสำรองน้ำไปผลักดันน้ำเค็มและผลิตน้ำประปาเท่านั้น
แม้ชาวนาจะเข้าใจว่าขณะนี้น้ำต้นทุนนั้นมีน้อย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าพวกเขายังกังวลใจและอดตั้งคำถามว่าไม่ได้ว่า หากชาวนาหยุดสูบน้ำแล้วข้าวยืนต้นตายใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ ขณะที่น้ำต้นทุนบริเวณเขื่อนเจ้าพระยาจังหวัดชัยนาท หากประเมินด้วยสายตาในวันนี้ (17 ก.ค.) อาจจะดูเหมือนว่าน้ำยังมีอยู่มาก แต่นายฎรงศ์กร สมตน ผู้อำนวยการสำนักชลประทานที่ 12 ให้ข้อมูลว่าสามารถใช้ได้เพียง 28 วัน หรือถึงประมาณกลางเดือนสิงหาคมนี้เท่านั้น ล่าสุดได้มีการปิดประตูระบายน้ำในพื้นที่ต้นน้ำของภาคเหนือกว่า 300 จุด ให้ชาวนาหยุดสูบน้ำเพื่อให้น้ำเดินทางมาถึงภาคกลาง
วันนี้กรมชลประทานได้ปิดประตูระบายน้ำหยุดส่งน้ำเข้าคลองให้กับภาคการเกษตรทั้งหมดแล้ว เว้นแต่คลองหรือแม่น้ำที่ใช้น้ำดิบไปผลักดันน้ำเค็มหรือผลิตน้ำประปาเท่านั้น อย่างไรก็ตามมีชาวนาบางส่วนในจ.สิงห์บุรี ยังคงสูบน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อไปหล่อเลี้ยงต้นข้าวซึ่งกำลังจะยืนต้นตาย
นายสำเภา มีชัย ชาวนาในต.บางมัญ อ.เมือง จ.สิงห์บุรี กล่าวว่าเขาลงทุนปลูกข้าวไร่ละประมาณ 2,000 กว่าบาท เขาทำนาทั้งหมด 25 ไร่ ถ้าหากข้าวตายก็จะไม่มีเงินใช้หนี้สหกรณ์การเกษตรที่เขาเป็นสมาชิกอยู่
จากการที่ชาวนาบางส่วนฝ่าฝืนมติครม. โดยไม่ยอมหยุดสูบน้ำเข้านา ทำให้ทหารและเจ้าหน้าที่ชลประทานต้องเข้ามาเจรจาและชี้แจงขอความร่วมมือจากเกษตรกร ซึ่งในที่สุดเกษตรกรยอมหยุดสูบน้ำเมื่อเจ้าหน้าที่รับปากว่าจะนำข้อร้องเรียนไปเสนอต่อนายกรัฐมนตรี
อย่างไรก็ตาม กรมชลประทานบอกด้วยว่าหากชาวนายังไม่ยอมหยุดสูบน้ำก็จะใช้มาตรการที่เข้มข้นมากขึ้น โดยการขอให้เจ้าหน้าที่ทหารและฝ่ายความมั่นคงไปเฝ้าที่ประตูระบายน้ำทุกจุดเพื่อไม่ให้เกษตรกรสูบน้ำมาทำการเกษตร