BOI จ่อปรับสิทธิประโยชน์ให้นักลงทุนต่างชาติ
ผลการศึกษาและลู่ทางลงทุนไทยภายใต้กรอบประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ในอุตสาหกรรม 5 สาขา คือ เกษตรกรรม สิ่งทอ ยานยนต์ ท่องเที่ยว และก่อสร้าง พบว่าธุรกิจที่นักลงทุนไทยมีโอกาสไปลงทุนในประเทศสิงคโปร์ คือร้านอาหาร สปา และรีสอร์ต เนื่องจากประเทศนี้สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เป็นจำนวนมาก ขณะที่มาเลเซีย ธุรกิจอาหารฮาลาลและท่องเที่ยวเชิงสุขภาพยังเป็นที่ต้องการ
สำหรับอินโดนีเซีย นักลงทุนไทยควรลงทุนกิจการประมงน้ำลึก เนื่องจากประเทศนี้ยังขาดความชำนาญ และประชาชนไม่นิยมบริโภคอาหารทะเล ซึ่งเป็นโอกาสเข้ารับสัมปทานจับสัตว์น้ำเพื่อแปรรูปสำหรับการบริโภคในไทยและส่งออก ส่วนฟิลิปปินส์ เหมาะลงทุนธุรกิจแปรรูปผลไม้ ธุรกิจชิ้นส่วนอะไหล่ และตกแต่งรถยนต์
สำนักเลขาธิการอาเซียนรายงานการลงทุนโดยตรงระหว่างประเทศในกลุ่มอาเซียนปีที่ผ่านมา มีมูลค่า 75,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 37,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นับเป็นสถิติสูงสุดจากการลงทุนภายในกลุ่มนี้ และคิดเป็นสัดส่วนการลงทุนของโลกร้อยละ 10
ขณะที่ภาวะลงทุนของกลุ่มอาเซียนในไทย 8 เดือนแรกปีนี้ผ่าน BOI เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยเป็นการลงทุนจากสิงคโปร์ 47 โครงการ คิดเป็นมูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 30 รองลงมาเป็นของมาเลเซีย 19 โครงการ มูลค่า 3,700 ล้านบาท หรือเพิ่มร้อยละ 16
นายส่งศักดิ์ ลิมบานเย็น รองเลขาธิการ BOI กล่าวว่า BOI อยู่ระหว่างปรับทิศทางนโยบายส่งเสริมการลงทุนหลังกระทรวงการคลังเสนอให้มีการทบทวนสิทธิประโยชน์แก่นักลงทุนต่างชาติ โดยเบื้องต้นจะมุ่งสนับสนุนอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าสูง แต่ทั้งนี้จะลดสิทธิประโยชน์อุตสาหกรรมที่ใช้วัตถุดิบในประเทศและใช้แรงงานเป็นพื้นฐาน