“เนสาด” จ่อเข้าไทย-เฝ้าจับตาสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด
หลังจากผ่านพ้นอิทธิพลของพายุไห่ถางที่ส่งผลให้สถานการณ์น้ำท่วมหลายพื้นที่มีความรุนแรงเพิ่มขึ้นอีก วันนี้ต้องติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดอีกครั้ง หลังพายุไต้ฝุ่นเนสาดเริ่มเคลื่อนเข้ามาใกล้ประเทศไทยแล้ว
ภาพถ่ายดาวเทียมแสดงให้เห็นว่า ขณะนี้พายุไต้ฝุ่นเนสาดได้เคลื่อนตัวเข้าใกล้ประเทศไทยแล้ว โดยกรมอุตุนิยมวิทยารายงานว่า ขณะนี้พายุไต้ฝุ่นเนสาดที่อยู่ทางตอนเหนือของเกาะไหหลำกำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกค่อนทางเหนือเล็กน้อย คาดว่าพายุนี้จะเคลื่อนตัวเข้าสู่อ่าวตังเกี๋ยในวันนี้ (30 ก.ย.) และขึ้นฝั่งที่บริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประมาณวันที่ 1 ต.ค.นี้ ขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ก็จะมีกำลังแรงขึ้น ซึ่งทั้ง 2 ปัจจัยจะส่งผลให้หลายจังหวัดในภาคตะวันออกและภาคใต้ฝั่งตะวันตกมีฝนตกหนัก
นอกจากนี้ ผู้อำนวยการศูนย์พลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อม อุทยานนานาชาติสิรินทร ยังคาดการณ์ว่า พายุไต้ฝุ่นเนสาดจะเข้าสู่กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม โดยอิทธิพลของพายุจะส่งผลให้ประเทศไทยเกิดฝนตกหนักในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ตั้งแต่วันนี้ (30 ก.ย.) ไปจนถึงวันที่ 2 ต.ค. ซึ่งจังหวัดที่ต้องเฝ้าระวังภัยจากฝนตกหนักในระยะนี้ คือ ภาคเหนือ ที่จังหวัดน่าน แพร่ อุตรดิตถ์ เชียงราย เชียงใหม่ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ที่จังหวัดเลย หนองคาย นครพนม สกลนคร และอุดรธานี โดยจังหวัดเชียงใหม่มีโอกาสถูกน้ำท่วมซ้ำได้อีกจากอิทธิพลของพายุลูกนี้ระหว่างวันที่ 1-2 ต.ค.นี้
ส่วนพายุไต้ฝุ่นอีกลูกที่คาดว่าอาจจะพัดเข้าสู่ประเทศไทยคือพายุไต้ฝุ่นนาลแก ซึ่งศูนย์เตือนพายุไต้ฝุ่นร่วมของสหรัฐฯ คาดว่า จะมุ่งหน้าเข้าสู่ประเทศฟิลิปปินส์ และลงสู่ทะเลจีนใต้เช่นเดียวกับพายุไต้ฝุ่นเนสาด ซึ่งผู้อำนวยการสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตรคาดว่า พายุลูกนี้อาจจะพัดเข้าสู่ประเทศไทย และส่งผลกระทบต่อภาคตะวันออกเฉียงเหนือในวันที่ 4 ต.ค.นี้
ขณะที่เขื่อนต่างๆ ในภาคเหนือต่างก็เร่งระบายน้ำเพื่อรองรับน้ำจากพายุไต้ฝุ่นเนสาด โดยเฉพาะเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ ที่จะเร่งระบายน้ำตั้งแต่วันนี้ (30 ก.ย.) ไปจนถึงวันที่ 3 ต.ค.นี้ โดยขณะนี้ที่เขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก มีปริมาณน้ำมากถึงร้อยละ 92 ของความจุ ส่วนเขื่อนสิริกิติ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ มีปริมาณน้ำถึงร้อยละ 99 เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จังหวัดพิษณุโลก มีปริมาณน้ำอยู่ที่ร้อยละ 93 และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จังหวัดลพบุรี มีปริมาณน้ำมากถึงร้อยละ 135 ประชาชนในลุ่มน้ำเจ้าพระยาที่อยู่ท้ายเขื่อนทั้งหมดจึงควรเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมอย่างใกล้ชิด