วสท.ชี้
กฤชเทพ สิมลี รองอธิบดีกรมทางหลวงชนบทสำรวจชั้นดิน บริเวณถนนเลียบคลอง 13 ฝั่งตะวันออก ต.บึงคอไห อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ที่ทรุดตัวระยะทางยาวกว่า 100 เมตร ลึกประมาณ 2 เมตร ตั้งแต่วันที่ 17 ก.ค.2558 ที่ผ่านมา
"เรามาทำถนนเพิ่มบนแนวคันดินริมคลอง 13 ซึ่งมีความหนา 1-1.20 เมตร ดังนั้นน้ำหนักที่กดดับลงบนคันดินของคันดินเดิมของชลประทานมีมาก ประกอบกับบริเวณใกล้เคียงมีคลอง ทำให้จุดที่ถนนทรุดเป็นจุดที่อ่อนที่สุด" นายกฤชเทพกล่าว
คลอง 13 มีความยาวกว่า 100 กิโลเมตร ที่ผ่านมาพบว่าถนนเลียบคลองทั้งสองฝั่งทรุดรวม 44 จุด โดยอยู่ในฝั่งแนวคันกั้นน้ำท่วมที่สร้างขึ้นหลังปี 2554 กว่า 20 จุด กรมทางหลวงชนบทระบุสาเหตุหลักเกิดจากภาวะภัยแล้ง
ปกติระดับในคลองปริมาณมากจะมีแรงดันพยุงตลิ่งไม่ให้ทรุดตัวแต่เมื่อระดับน้ำในคลองแห้งขอด ทำให้ขาดแรงดันจากน้ำ ลาดตลิ่งจึงเกิดการทรุดตัว และทำให้ถนนเลียบคลองเสียหาย ขณะเดียวกันหากปริมาณน้ำในคลองน้อยอยู่แล้วแต่มีฝนตกลงมาเพิ่มก็จะส่งผลให้ตลิ่งทรุดตัวได้เช่นกัน
การสำรวจของผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมปฐพีและฐานรากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และอุปนายกสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย พบว่า จุดที่ถนนเลียบคลองทรุดตัวส่วนใหญ่ เป็นพื้นที่ดินอ่อน เมื่อระดับน้ำต่ำ และได้รับแรงสั่นสะเทือนจากรถที่สัญจรผ่าน จึงทำให้เกิดการทรุดตัวได้ง่าย จึงเสนอให้มีการสำรวจชั้นดินอย่างละเอียดก่อนก่อสร้างถนน
รศ.สุทธิศักดิ์ ศรลัมพ์ อุปนายกวิศวกรรมสถานฯ กล่าวว่าการสำรวจที่ใช้อยู่ทุกวันนี้เป็นการสำรวจแบบสุ่มตามระยะ ถึงแม้ว่าในระหว่างก่อสร้าง ผู้รับจ้างจะเจาะเพื่อตรวจสอบได้อีกครั้ง แต่ก็ถือว่ายังไม่เพียงพอ
"ปัจจัยหลัก (ที่ทำให้ถนนทรุดตัว) อย่างหนึ่งก็คือ การสำรวจที่ไม่ครอบคลุม ทำให้โอกาสที่ถนนจะพังมีสูง" รศ.สุทธิศักดิ์แสดงความเห็น
ข้อมูลจากกรมทางหลวงชนบทถนนเลียบคลอง 13 ฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออก ถูกก่อสร้างยกระดับเป็นคันป้องกันน้ำท่วม ระยะทางประมาณ 50 กิโลเมตร ซึ่งโครงการเร่งด่วนตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อปี 2557 ใช้งบประมาณกว่า 1,000 ล้านบาท บางส่วนเพิ่งก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อต้นปีที่ผ่านมา