เกิดเหตุจลาจลในอียิปต์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 20 คน
เกิดความไม่สงบขึ้นในอียิปต์อีกครั้ง ซึ่งมีความรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ประธานาธิบดีฮอสนี มูบารัค ถูกโค่นอำนาจลงเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาจนทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 20 คน
เหตุเกิดใกล้กับจตุรัสทาเฮียร์กลางกรุงไคโร โดยผู้อยู่ในเหตุการณ์แต่ละฝ่ายให้ข้อข้อมูลขัดแย้งกันในเรื่องที่ว่า ใครเป็นผู้จุดชนวนให้เกิดการปะทะที่มีความรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ประธานาธิบดีฮอสนี มูบารัค ถูกประชาชนลุกฮือขึ้นโค่นอำนาจเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งภาพที่ปรากฏตามเหตุการณ์นี้เป็นการปะทะกันระหว่างทหารและชาวอียิปต์ที่นับถือศาสนาคริสต์
อียิปต์มีประชากรทั้งสิ้น 80 ล้านคน โดยส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม แต่ประมาณร้อยละ 10 ในจำนวนนี้นับถือศาสนาคริสต์ที่เรียกว่านิกาย "คอปติค"
ก่อนเกิดการปะทะผู้นับถือศาสนาคริสต์กำลังเดินขบวนไปยังสถานีโทรทัศน์แห่งชาติริมแม่น้ำไนล์ ซึ่งผู้อยู่ในขบวนอ้างว่า เป็นการเดินขบวนโดยสงบเพื่อไปประท้วงเหตุการณ์ที่เมื่อสัปดาห์ก่อนโบสถ์คริสต์ในเมือง"อัสวาน" ทางภาคใต้ของประเทศถูกลอบจุดไปเผาเสียหาย
ผู้ประท้วงที่นับถือคริสต์เหล่านี้รู้สึกว่า สภาทหารที่ทำหน้าที่รัฐบาลชั่วคราวของอียิปต์อยู่ในขณะนี้มีความเห็นอกเห็นใจ และ เข้าข้างขบวนการที่ลอบทำร้ายและทำลายทรัพย์สินของชาวคริสต์มาตลอด โดยในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมายิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นด้วย
ชาวคริสต์ผู้ประท้วงอ้างว่าระหว่างเคลื่อนขบวนอย่างสงบได้ถูกก่อกวนและในที่สุดเกิดรุนแรงเป็นการทำร้ายด้วยมีดดาบและกระบอง ซึ่งภายในกลุ่มของผู้ลอบทำร้ายนี้มีทหารแต่งตัวนอกเครื่องแบบรวมอยู่ด้วย แต่ทางทหารเองอ้างว่า ถูกยิงปืนเข้าใส่และอธิบายว่า น่าจะเป็นปืนที่ผู้ประท้วงแย่งไปได้แล้วหวนมาใช้ยิงทหารและ ด้านเครือข่ายที่เคยเป็นแกนนำขับไล่อดีตประธานาธิบดีมูบารัคก็อ้างว่า ไม่ใช่พวกตนที่เป็นฝ่ายยิงทหาร
เหตุการณ์ดำเนินไปอย่างชุลมุน โดยชาวคริสต์ผู้ประท้วงที่ปักใจเชื่อว่า ทหารเป็นพวกเดียวกับฝ่ายตรงข้ามจึงได้ก่อจลาจลทุบทำลายและเผารถยนต์เสียหายไปหลายคัน และภาพที่ปรากฏทหารตอบโต้ด้วยแกสน้ำตาและกระบอง
รัฐมนตรีมหาดไทยแถลงว่า มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ทั้งสิ้น 20 คนเป็นพลเรือน 17 คนและทหาร 3 นาย นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บเกือบ 200 คน โดยเช้าวันนี้ ( 10 ต.ค.) คณะรัฐมนตรีอียิปต์จะประชุมฉุกเฉินเพื่อแก้ไขสถานการณ์