พระสุเทพสึกแล้วช่วงเช้ามืดวันนี้ เผย
เมื่อเวลา 5.00 น.วันนี้ (28 ก.ค.2558) พระสุเทพ ปภากโร หรือนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตแกนนำ กปปส.ได้เดินทางมาลาสิกขาบทกับพระธรรมวิมลโมลี เจ้าคณะภาค 16 กลับสู่การเป็นฆราวาสที่วัดไตรธรรมาราม อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี พร้อมด้วยพระเชน อาภาธโร น้องชายของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ และพระชินวรณ์ จันทสาโร โดยหลังการทำพิธีลาสิกขานายสุเทพได้สวมใส่เสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อน และติดธงชาติที่หน้าอก ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่กลุ่ม กปปส.ใช้ในการเคลื่อนไหวช่วงปี 2556-2557
หลังลาสิกขาอดีตพระสุเทพได้เรียกร้องไปยังนักการเมืองที่ยังเคลื่อนไหวให้ยึดคำสอนของท่านพระพุทธทาสเป็นแนวทางเพื่อความสงบสุขของประเทศ ส่วนคดีที่ยังอยู่ในศาลอีกหลายคดีก็ต้องต่อสู้ แม้ว่าบางคดีจะมีโทษถึงประหารชีวิตก็จะไม่ขอนิรโทษกรรมตัวเองให้พ้นผิด และนักการเมืองคนอื่นก็ไม่ควรขอนิรโทษกรรมตัวเองด้วย โดยขอให้กลับมามาต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม
"พร้อมที่จะสู้คดีไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เพราะทุกอย่างเราทำเพื่อบ้านเมือง ไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง" นายสุเทพกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่ากังวลใจกับคดีไหนหรือไม่ อดีตแกนนำกปปส.ตอบว่า "กังวลใจทุกคดี เพราะว่าฝ่ายตรงข้ามมีฤทธิ์มีอิทธพลมาก สามารถใช้อิทธิพลในขั้นของพนักงานสอบสวน ในขั้นอัยการหรือแม้แต่การพิจารณาคดี ผมเห็นชัดในคดีที่ผมไปพบพนักงานสอบสวน ไปเจออัยการ ไปขึ้นศาลมา แต่ผมบอกตัวเองเสมอว่าให้เชื่อมั่นในระบบ จะกังวลใจอย่างไรก็เชื่อในระบบ"
นายสุเทพกล่าวว่าหลายคนไม่อยากให้ตนลาสิกขาบท แต่ตนมีหน้าที่ซึ่งวันข้างหน้าก็จะทราบว่าเป็นหน้าที่นั้นคืออะไร
"ถ้าเป็นภาษาพระเรียกว่ามีเหตุมีปัจจัย มันมีหน้าที่อย่างอื่นที่ต้องปฏิบัติ ผมก็ชั่งใจแล้วเรื่องการบวช จริงๆ ก็คิดบวชนาน ได้ใคร่ครวญเห็นว่าตัวเองมีภาระมีหน้าที่ต้องปฏิบัติซึ่งไม่สามารถทำได้ตอนที่เป็นพระ ส่วนรายละเอียดจะแถลงข่าวในวันที่ 30 ก.ค." นายสุเทพกล่าวและย้ำเรื่องการต่อสู้คดีว่าเมื่อมีคดีความก็ต้องต่อสู้ไปตามกระบวนการยุติธรรม ไปพิสูจน์ข้อเท็จจริง
"ส่วนการเรียกร้องเรื่องปรองดอง ในฐานะที่ผมมีส่วนได้เสีย ผมยืนยันว่าไม่ควรมานิรโทษกรรมให้คนอย่างผมซึ่งเป็นแกนนำในการลุกขึ้นต่อสู้ แต่สำหรับประชาชนทั้งหลาย คนที่่ร่วมชุมนุมกับกปปส.ไม่ควรดำเนินคดีกับเขา แม้ว่าข้อกล่าวหาของผมจะเป็นข้อหาหนัก ไม่ว่าจะเป็นข้อหากบฏต่อแผ่นดิน ก่อการร้าย ซึ่งถ้าแพ้คดีก็มีโทษถึงจำคุกตลอดชีวิตหรือประหารชีวิต แต่ผมก็ยืนยันว่าผมไม่เรียกร้องให้มีการนิรโทษกรรมให้ตัวผมเอง และผมไม่ต้องการให้มีการนิรโทษกรรมให้ผู้ที่กระทำความผิดอาญาแผ่นดินร้ายแรงคนอื่นๆ โดยเฉพาะคดีหมิ่นพระบรมเดชนุภาพ เพราะนี่คือความมั่นคงของประเทศไทย"
ก่อนหน้านี้นายสุเทพระบุว่าหลังลาสิกขาแล้วจะทำหน้าที่ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศ ผลักดันกิจกรรมของมูลนิธิควบคู่ไปกับการเดินหน้าปฏิรูปประเทศ โดยยืนยันว่าการเคลื่อนไหวจะไม่เกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์ แต่ไม่ได้ปฏิเสธแนวทางการเคลื่อนไหวที่คล้ายกันและพร้อมจะสนับสนุนและช่วยงานเพื่อประเทศ ยกเว้นการเข้ารับตำแหน่งทางการเมืองใดๆ พร้อมให้ความเห็นว่าการปรับคณะรัฐมนตรีถือเป็นเรื่องปกติที่ต้องเปลี่ยนแปลงตามสถานการณ์และความจำเป็น โดยชี้ว่าการไม่มีนักการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องจะเป็นเรื่องที่ดีด้วย ทั้งนี้นายสุเทพ จะจัดทำบุญเลี้ยงพระที่วัดธารน้ำไหล สวนโมกข์พลาราม อ.ไชยา และเตรียมแถลงข่าวชี้แจงบทบาทหลังลาสิกขาในวันที่ 30 กรกฎาคม
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ได้บวชเป็นพระเมื่อวันที่ 15 ก.ค.2557 ที่วัดท่าไทร อ.กาญจนดิษฐ์ และได้จำวัดที่วัดธารน้ำไหล สวนโมกข์พลาราม อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี รวมระยะเวลาที่บวช 1 ปี 13 วัน