“สวนสันติภาพฮิโรชิมา” ในวาระ70 ปี การทิ้งระเบิดปรมาณู
“อนุสรณ์สันติภาพฮิโรชิมา” ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อปี 1996 แต่เดิมเป็นที่รู้จักของชาวเมืองในชื่อ “ศูนย์การประชุมพาณิชยกรรมแห่งฮิโรชิมา” เมืองศูนย์กลางด้านอุตสาหกรรมและการทหารของญี่ปุ่น ซึ่งมีประชากรอยู่หนาแน่นกว่า 3.5 แสนคน แต่ภายหลังจากที่สหรัฐฯ ทิ้งระเบิดปรมาณูเมื่อวันที่ 6 ส.ค. 1945 ทำให้มีผู้เสียชีวิตในทันทีกว่า 70,000 คน และเสียชีวิตจากการติดเชื้อจากสารกัมมันตรังสีอีก 70,000 คน
โดย 3 วันถัดมาสหรัฐฯ ยังทิ้งระเบิดลูกที่ 2 ที่เมืองนางาซากิ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอีกเกือบ 80,000 คน จนในที่สุดทางการญี่ปุ่นได้ประกาศความพ่ายแพ้อย่างเป็นทางการในวันที่ 15 ส.ค. 1945
ปัจจุบันสถานที่ซึ่งเป็นใจกลางของการทิ้งระเบิดในฮิโรชิมา ได้รับการบูรณะให้กลายเป็นสวนสันติภาพฮิโรชิมา โดย 1 วันก่อนวาระครบรอบ 70 ปีการทิ้งระเบิดปรมาณู นักศึกษาจำนวน 21 คนจากประเทศสวีเดน ได้รับเชิญจากทางมหาวิทยาลัยเคโอเพื่อมาเยี่ยมชมสวนสันติภาพฮิโรชิมา ทั้งร่วมวางดอกไม้ ณ ประทีปแห่งสันติภาพ และเข้าชมพิพิธภัณฑ์สันติภาพฮิโรชิมา ซึ่งจัดแสดงรูปภาพความเสียหายของบ้านเรือนและชีวิตของผู้คนในเหตุการณ์ดังกล่าว รวมถึงเสื้อผ้าและของใช้ของเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสิ่งของที่ญาตินำมาบริจาคเพื่อจัดแสดง
โดยนักศึกษาที่มาเยือนสวนสันติภาพฮิโรชิมายอมรับว่าการเยี่ยมชมครั้งนี้ ทำให้พวกเขาได้รับรู้ผลกระทบจากสงครามนิวเคลียร์มากขึ้น
ทั้งนี้ ผู้ที่ทำหน้าที่ไกด์ส่วนใหญ่คืออาสาสมัคร ที่คอยให้คำแนะนำเกี่ยวกับประวัติของเมืองแก่นักท่องเที่ยวถึงปีละ 1.3 ล้านคน
เคนจิ ชิกะ ผู้อำนวยการประจำพิพิธภัณฑ์สันติภาพฮิโรชิมากล่าวว่า เดิมชาวเมืองบางส่วน ยังมีความรู้สึกต่อต้านการมาเยือนของชาวต่างชาติที่เดินทางมาดูความเสียหายของเมืองจากสงคราม แต่ปัจจุบันชาวเมืองหันมาเห็นความสำคัญของการอนุรักษ์สถานที่ซึ่งเต็มไปด้วยความทรงจำ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะทำให้ผู้คนตระหนักถึงความสูญเสียของมนุษยชาติจากการทำสงครามด้วยอาวุธนิวเคลียร์
สวนสันติภาพฮิโรชิมาเปิดให้นักท่องเที่ยวเยี่ยมชมตลอดทั้งปี ส่วนพิพิธภัณฑ์สันติภาพฮิโรชิมาจะหยุดให้บริการเฉพาะฤดูกาลฉลองวันขึ้นปีใหม่ สถานที่ทั้ง 2 แห่ง มีคำอธิบายเนื้อหาแก่นักท่องเที่ยวถึง 17 ภาษา และมีอัตราการเก็บค่าเข้าชมเพียง 50 เยน หรือเพียง 15 บาท เพื่อหวังให้สาห์นแห่งสันติภาพจากฮิโรชิมา ถูกเผยแพร่ไปยังชาวโลกให้ได้มากที่สุด
ทางเมืองฮิโรชิมามีการตั้งปฏิภาณว่า “Eternal flame for Peace” หรือ “ประทีปแห่งสันติภาพ” ซึ่งประทีปดังกล่าวจะถูกจุดในสวนสันติภาพฮิโรชิมาต่อไป จนกว่าอาวุธนิวเคลียร์จะหมดไปจากโลกนี้