ความพยายามในการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของ พ.ต.ท.บรรยิน มีตั้งแต่การที่เขาปรากฏตัวระหว่างที่ตำรวจลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ การเข้าพบผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ การเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อให้ข้อมูลในทางคดีและรับทราบข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต รวมทั้งการที่เขาเข้าพบตำรวจกองปราบปรามเพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับการโอนหุ้นให้หญิงสาว 2 คนมูลค่ารวมกว่า 300 ล้านบาท
คดีนี้ตำรวจแยกตรวจสอบการเสียชีวิตเป็น 2 ประเด็นตามข้อสงสัยของครอบครัว โดยข้อสงสัยในสาเหตุการตาย มีตำรวจนครบาลรับผิดชอบ ส่วนความผิดปกติในการโอนหุ้นกว่า 300 ล้านบาทให้หญิงสาว 2 คน ที่อ้างว่าสนิทกับนายชูวงษ์ ตำรวจกองปราบปราม เป็นผู้ตรวจสอบ
มีหลักฐานผลชันสูตรบางส่วนที่แพทย์นิติเวช โรงพยาบาลตำรวจเปิดเผยกับครอบครัวที่ทำให้ครอบครัวสงสัยสาเหตุการตาย เนื่องจากพบว่านายชูวงษ์มีบาดแผลบอบช้ำภายในหลายแห่ง ทั้งสมองบวม กระดูกสันหลังช่วงคอข้อที่ 6 ถึง 7 หัก ซึ่โครงซ้ายและขวาหัก ปอดช้ำ หัวใจ ม้ามและไตคั่งเลือด
ขณะที่ตำรวจกองปราบปรามได้ทำการตรวจสอบประเด็นเรื่องการโอนหุ้นให้หญิงสาว 2 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่พบความผิดการแก้ไขจุดประสงค์การโอนหุ้น จากจำนำหุ้นเป็นการโอนหุ้น โดยใช้น้ำยาพิเศษที่ไม่ใช่น้ำยาลบคำผิด หรือยางลบในการลบหมึก และใช้ตัวอักษรทำให้ดูแนบเนียน หากมองด้วยตาเปล่าจะไม่เห็นร่องรอยการลบหรือแก้ไข ซึ่งตำรวจ เตรียมออกหมายจับผู้เกี่ยวข้อง แล้ว 2-3 คน ซึ่ง พ.ต.ท.บรรยินยืนยันว่าไม่กังวลเพราะมั่นใจในหลักฐานพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองเช่นกัน
ล่าสุดวันนี้ (6 ส.ค.2558) พ.ต.ท.บรรยินได้นำหลักฐานเข้ายื่นต่อประธานคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม ขอให้ตรวจสอบจริยธรรมและการทำหน้าที่ของผู้พิพากษาอาวุโสท่านหนึ่ง เนื่องจากมีการตั้งข้อสงสัยว่า ให้คำปรึกษาข้อกฎหมายเกี่ยวกับการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ และพาดพิงถึงตัวเอง
"บุคคลนี้ได้แทรกแซงกระบวนการยุติธรรมและกระทำผิดจริยธรรม ผมมีหลักฐานชัดเจน ถ้าไม่มีผมไม่มาหรอกครับ แต่อย่าเพิ่งเปิดเผยเลยเดี๋ยวเขาจะแก้ตัวทัน" พ.ต.ท.บรรยินกล่าวภายหลังยื่นหนังสือ พร้อมกับยืนยันว่าเขามีหลักฐานอื่นที่เตรียมไว้ต่อสู้เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง และพร้อมที่จะนำมาเปิดเผยต่อสาธารณะอีก